ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4108 มีความสุขไหม
ทันทีที่รถแท็กซี่ออกไปก็เร่งความเร็วขึ้นทันทีและพาทหารของสำนักว่านหลงที่ปลอมตัวเป็นเฉียวเฟยหยุนไปจนถึงสถานีขนส่งทางไกลตามที่เฉียวเฟยหยุนตั้งใจจะไป
ส่วนเฉียวเฟยหยุนตัวจริง ตอนนี้ถูกทหารสองคนของสำนักว่านหลงลอกคราบจนกลายเป็นหมูตัวขาวแล้วลากไปที่ห้องใต้ดินโดยตรง
ระหว่างทาง เฉียวเฟยหยุนเอ่ยถามด้วยความสะพรึงกลัวสุดขีด “พี่ชาย พี่ชาย…พวกนาย…พวกนายเป็นใครกันแน่? คิดจะทำอะไร? หากพวกนายต้องการเงิน ฉันสามารถให้พวกนายมากมาย..มากมากมากมาย…ขอแค่นายเอ่ยปากก็พอ…”
หนึ่งในทหารของสำนักว่านหลงเอ่ยหัวเราะเยาะ “เฉียวเฟยหยุน นายเก็บเงินเอาไว้เองเถอะ บางทีพอไปถึงที่นั่นแล้วอาจจะได้ใช้!”
ตอนที่เฉียวเฟยหยุนหนีออกจากบ้านตระกูลเฟ่ย เขาคิดว่าผ่านการคาดการณ์ที่ไม่ธรรมดาของเขา เขาจะสามารถดำเนินปฏิบัติการสุดโต่งนี้ได้แน่และหลบหนีออกไปได้อย่างราบรื่น
แต่เขาไม่เคยคิดฝันเลยว่า ตนเพิ่งจะหนีออกจากบ้านตระกูลเฟ่ยได้ไม่ทันถึงห้านาที เขากลับต้องมาเป็นนักโทษอยู่ในคฤหาสน์ติดกับตระกูลเฟ่ยแทน
เขาหวาดกลัวถึงขีดสุด และความคิดก็กำลังสับสนอย่างยิ่ง
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าใครเป็นคนลักพาตัวตนเองมา แต่ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่อาจคาดเดานี้ เขาก็พอมีคำตอบอยู่ในใจบ้างแล้ว
เขารู้สึกว่าคนเหล่านี้น่าจะเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังการสังหารพี่ชายของตน และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังที่ทำให้แก๊งชาวอิตาลีทั้งหมดหายกลายเป็นไอไป
ในไม่ช้าเขาก็ถูกลากไปที่ห้องใต้ดิน หลังจากเปิดประตูออกมา เขาก็ต้องตื่นตะลึงสุดขีดเมื่อพบว่ามีชายเปลือยกายสวมกางเกงชั้นเช่นเดียวกับตัวเขาเองอีกคนหนึ่งถูกแขวนอยู่ในห้อง ซึ่งคนนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นเฟ่ยฮ่าวหยาง
ในเวลานี้ เฟ่ยฮ่าวหยางไม่มีรูปลักษณ์ของคุณชายตระกูลเฟ่ยอย่างในอดีตอีกต่อไป
เขาเปลือยกายล่อนจ้อน สองมือถูกมัดแขวนเอาไว้ ทั้งคนราวกับหมูที่จะถูกเชือด
ทั่วทั้งร่างกายของเขามีบาดแผล หูทั้งสองข้างหายไปแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงบาดแผลใหญ่สองแผล และปกคลุมไปด้วยสะเก็ดสีดำซึ่งเกิดจากการแข็งตัวของเลือดจำนวนมาก
ในเวลานี้เฟ่ยฮ่าวหยางเองก็ไม่ได้คาดคิดว่าจะได้เห็นเฉียวเฟยหยุนที่นี่
เมื่อเห็นเฉียวเฟยหยุนถูกคนพาเข้ามา เขาก็รู้สึกตะลึงไปในตอนแรก แต่เมื่อได้สติกลับมา เขากลับรู้สึกตื่นเต้นขึ้นเล็กน้อย
ไม่มีอะไรอื่น แต่เป็นเพราะเฟ่ยฮ่าวหยางต้องเผชิญกับบทลงโทษมากมายที่นี่และเขาก็กำลังสิ้นหวังอย่างขีดสุด ในเวลานี้มีเฉียวเฟยหยุนซึ่งเป็นคนรู้จักมาช่วยแบ่งปันความทุกข์ไปด้วย อารมณ์ของเขาก็ดีดตัวขึ้นทันทีและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
ไม่ต้องพูดเรื่องอื่นใดเลย แค่มีคนร่วมทางไปด้วยก่อนจะตายก็ยังมีกว่าที่ต้องตายอยู่ที่นี่เพียงลำพังมากแล้ว
แต่เมื่อเฉียวเฟยหยุนเห็นเฟ่ยฮ่าวหยางที่นี่ เขากลับไม่มีอารมณ์ยินดีเลยสักนิด
อันที่จริง สิ่งที่เขากลัวที่สุดก็คือการได้เห็นเฟ่ยฮ่าวหยางที่นี่
นั่นเพราะถ้าอีกฝ่ายกล้าแม้แต่แตะต้องเฟ่ยฮ่าวหยาง อย่างนั้นตนเองจะนับเป็นตัวอะไร? คิดจะหนีก็ไม่มีโอกาสแล้ว…
ในเวลานี้ หนึ่งในทหารของสำนักว่านหลงมองไปที่เฉียวเฟยหยุนและถามว่า “คุณชายเฉียว คุณชายเฟ่ยดูออกจะตื่นเต้นเมื่อเห็นนาย ทำไมนายถึงไม่ดีใจสักนิดเลยล่ะเมื่อได้เห็นเพื่อนเก่า?”
เฉียวเฟยหยุนถึงขึ้นถอดใจไปแล้ว เขาที่ฉลาดขนาดนั้น ไหนเลยจะไม่เข้าใจความคิดของเฟ่ยฮ่าวหยาง?
หากเขาเป็นเฟ่ยฮ่าวหยาง จู่ๆเห็นว่ามีคนมาอยู่เป็นเพื่อนตัวเองก็คงจะดีใจด้วยเช่นกัน
แต่เดิมเขายังฝันว่าตนจะหลบหนีได้สำเร็จ แต่ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะถูกจับมาที่นี่ในทันที และในเวลานี้อารมณ์ของเขาย่อมตกต่ำลงถึงที่สุด
เมื่อเห็นว่าเฉียวเฟยหยุนไม่พูด ทหารคนนั้นก็คว้าคอเสื้อของเขาและตบหน้าเขาไปอย่างแรงสองครั้งก่อนจะตะโกนอย่างโกรธเคือง “ฉันถามนาย ทำไมนายไม่ตอบ?”
ร่างกายที่อ่อนแอของเฉียวเฟยหยุน ไหนเลยจะทนต่อการตบหน้าของอีกฝ่ายได้ เมื่อถูกตบไปสองที ตาของเขาก็พร่ามัวไปทันทีและมีเลือดออกมาจากปาก ดังนั้นเขาจึงได้แต่พูดอย่างเร่งรีบว่า “ฉันมีความสุข…ฉันมีความสุข…”
ทหารตบหน้าเขาอีกครั้งและเอ่ยด่า “เวรเอ๊ย ไม่จริงใจเอาซะเลย พูดใหม่!”