ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4138 ปฏิเสธ
หลังจากที่เฉียวเฟยหยุนถูกสำนักว่านหลงจับตัวไป เย่เฉินก็ไม่รีบร้อนที่จะไปนครนิวยอร์กอีกเลย
ตามแผนการของเขา ก่อนอื่นให้คาซูโอะ ฮันโซตัดหูของเฉียวเฟยหยุน และขังเขาไว้กับเฟ่ยฮ่าวหยาง เพื่อที่พวกเขาทั้งสองจะได้ตื่นกลัวในคืนหนึ่ง จากนั้นหลังจากที่เขาไปนครนิวยอร์ก ค่อยเอาชนะพวกเขาทีละคน
และกู้ชิวอี๋ก็เป็นเด็กผู้หญิงที่มีความรู้มากมาย เรื่องของเฟ่ยฮ่าวหยาง ไม่ได้สร้างผลกระทบอะไรต่อเธอเลย วันรุ่งขึ้นหลังจากที่เย่เฉินขอให้คาซูโอะ ฮันโซลักพาตัวเฟ่ยฮ่าวหยางไป เธอก็ได้ลืมเรื่องนี้ไปเลย จากนั้นก็จดจ่อกับการเตรียมงานคอนเสิร์ตที่กำลังจะมาถึงแล้ว
วันนี้ทั้งวัน กู้ชิวอี๋มัวแต่ยุ่งอยู่กับงานคอนเสิร์ต เพื่อที่จะร่วมมือกับทีมงานได้ดียิ่งขึ้น บริษัทของเธอได้เช่าศูนย์การเต้นรำในนครนิวยอร์กโดยเฉพาะ ให้สำหรับกู้ชิวอี๋และนักเต้นฝึกซ้อมและออกแบบท่าเต้น
หลังจากกลับถึงโรงแรมในตอนเย็น กู้ชิวอี๋เพิ่งอาบน้ำเสร็จและกำลังเตรียมที่จะพักผ่อน ผู้ช่วยเฉินตัวตัวก็มาเคาะประตูแล้วเดินเข้ามา และพูดกับเธอว่า “ชิวอี๋ เฟ่ยเสวปิงจากตระกูลเฟ่ยโทรมา และอยากจะเชิญคุณไปทานข้าวสักมื้อที่บ้านเขาในวันพรุ่งนี้ตอนเที่ยง”
“เฟยเสวปิงงั้นเหรอ?” กู้ชิวอี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วถามว่า “คุณพ่อของเฟ่ยฮ่าวหยางใช่หรือไม่?”
“ใช่” เฉินตัวตัวพยักหน้าและกล่าวว่า “ก็คือเขา เขาบอกมาว่า คุณปู่ของเฟยฮ่าวหยางอยากจะพบคุณสักหน่อย”
กู้ชิวอี๋กล่าวโดยไม่ลังเลเลยว่า “ไม่ไป! ปฏิเสธไปเลย!”
เฉินตัวตัวรีบพูดว่า “ชิวอี๋ ตระกูลเฟ่ยมีอิทธิพลมากมายในนครนิวยอร์ก ฉันเกรงว่าการปฏิเสธโดยตรงมันจะไม่เหมาะสม……….”
“มันจะไม่เหมาะสมตรงไหน?” กู้ชิวอี๋ผู้ถ่อมตัวมาโดยตลอด แสดงออกถึงความรังเกียจและดูถูกเหยียดหยามอย่างหายาก และพูดอย่างเย็นชาว่า “ตระกูลของพวกเขามีอิทธิพลเพียงใด มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย ฉันไม่เคยขอยืมเงินจากเขา และก็ไม่ได้ขอให้เขาช่วยเรื่องอะไร ถึงเขาจะเป็นคนที่รวยที่สุดในโลก และฉันก็ไม่จำเป็นต้องให้หน้ากับเขาหรอก!”
พูดแล้ว กู้ชิวอี๋ก็พูดอีกครั้งว่า “อีกอย่าง พวกเขาเชิญฉันไปทานข้าว ไม่จำเป็นต้องเดาเลยว่าจุดประสงค์นั้นคืออะไร พวกเขาแค่ต้องการจะใช้โอกาสนี้ เพื่อสืบหาจากตัวฉันว่าเฟยฮ่าวหยางหายตัวไปได้อย่างไรกันแน่ ท้ายที่สุด ก็ยังอยากจะตามหาตัวพี่เย่เฉินออกมา ฉันจะไม่ให้โอกาสใดๆ แก่พวกเขาอย่างแน่นอน!”
เฉินตัวตัวพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “ถ้าเราก็จะออกเดินทางจากนครนิวยอร์ก และไปจากสหรัฐอเมริกาในวันพรุ่งนี้แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องบอกฉัน ฉันก็จะปฏิเสธพวกเขาโดยตรง แต่เรายังมีการแสดงมากมายอยู่ในสหรัฐอเมริกา ฉันกลัวจริงๆ ว่าถึงเวลานั้นตระกูลเฟ่ยจะขัดขวางต่องานเรา………”
กู้ชิวอี๋กล่าวอย่างเบาๆ ว่า “ไม่เป็นไร เราจะไม่ปล่อยให้พวกมันเคยตัวกับนิสัยแย่ๆ คุณก็ปฏิเสธของคุณไป และส่วนที่เหลือ ค่อยจัดการตามแนวทางปัญหาเอา!”
“โอเค” เฉินตัวตัวพยักหน้า และกล่าวว่า “ฟังคุณพูดแล้วนั้นมันช่างสะใจจริงๆ ฉันจะไปปฏิเสธมันเดี๋ยวนี้เลย!”
หลังจากนั้น เฉินตัวตัวก็เดินออกจากห้องของกู้ชิวอี๋ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรกลับไปหาเฟ่ยเสวปิง ทันทีที่รับสาย และเธอก็พูดอย่างสบายๆ ว่า “ต้องขอโทษคุณเฟ่ยด้วย ในช่วงนี้คุณกู้จะต้องเตรียมงานการแสดง มีหลายที่ต้องทำ โปรดให้อภัยด้วย ที่ไม่มีเวลาไปรบกวนที่บ้าน”
เฟ่ยเสวปิงไม่คาดคิดเลยว่า กู้ชิวอี๋คนนี้จะกล้าปฏิเสธคำเชิญของตระกูลเฟ่ย และทันใดนั้นเขาก็พูดอย่างโกรธเคืองว่า “แม้ว่าคุณกู้จะยุ่งแค่ไหน แต่เวลาทานอาหารแค่มื้อเดียวก็น่าจะมีอยู่ไม่ใช่เหรอ?
เฉินตัวตัวหัวเราะ และพูดว่า “ต้องขอโทษจริงๆ ด้วย ตอนนี้ไม่มีเวลาจริงๆ เลย”
หลังจากพูดจบ เฉินตัวตัวก็พูดอย่างรวดเร็วอีกว่า “คุณเฟ่ยฉันยังมีเรื่องต้องทำ ขอวางสายก่อนแล้ว”
เมื่อได้ยินเสียงการตัดสายในโทรศัพท์ เฟ่ยเสวปิงก็รู้สึกโกรธจัด
เขารีบรายงานต่อพ่อของเขาที่อยู่ด้านข้างทันทีว่า “ท่านพ่อครับ เด็กผู้หญิงที่แซ่นกู้คนนั้นปฏิเสธ! ช่างบางอาจจริงๆ เลย!
เฟ่ยซานไห่ก็รู้สึกโกรธเล็กน้อย และพูดอย่างเย็นชาว่า “สาวน้อยคนนี้ ค่อนข้างที่จะหยิ่งผยองเกินไปแล้ว”
หลังพูดจบ เฟ่ยซานไห่ก็โบกมือของเขา และพูดอย่างเข้มขรึมว่า “เธอมาแสดงคอนเสิร์ตที่นครนิวยอร์กไม่ใช่เหรอ? คุณหาคนไป ซื้อสถานที่จัดแสดงของเธอ แล้วบอกทีมงานของเธอว่าสถานที่ทั้งหมดจะได้รับการอัพเกรดและปรับปรุงใหม่ การแสดงจะถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ส่วนสัญญาที่เซ็นสัญญาที่เธอเซ็นกับสถานที่ เราจะชดเชยตามราคาที่ตกลงไว้ แล้วฉันจะคอยดูว่าเธอจะทำอย่างไรเมื่อถึงเวลา”