ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4149 เจ้าเด็กผู้หญิงกู้ตอบตกลงแล้ว!
เย่เฉินถามเธอว่า “แล้วคุณกะจะทำอย่างไร?”
กู้ชิวอี๋กล่าวอย่างอ้อนวอนว่า “พี่เย่เฉิน ฉันอยากรบกวนคุณสักหน่อย พาฉันไปที่ตระกูลเฟ่ย ไม่รู้ว่าคุณจะสะดวกหรือไม่……ถ้ามันไม่สะดวกก็ช่างมันไป ฉันจะประกาศออกไปโดยตรงว่าสถานที่จัดงานเกิดปัญหาเล็กน้อย คอนเสิร์ตรอบแรกก็ระงับไปชั่วคราว และจัดคอนเสิร์ตรอบหลังๆ ไปก่อน และสุดท้ายก็กลับมาที่จัดคอนเสิร์ตอีกครั้งที่นครนิวยอร์ก”
เย่เฉินหัวเราะและพูดว่า “งั้นแฟนๆ ของคุณในนครนิวยอร์กก็จะต้องผิดหวังแล้วไม่ใช่เหรอ?”
กู้ชิวอี๋กล่าวอย่างช่วยไม่ได้ว่า “งั้นก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ฉันเชื่อว่าพวกเขาสามารถเข้าใจได้”
เย่เฉินกล่าวว่า “ช่างมันเถอะ ไม่ว่าจะยังไงก็ไม่สามารถปล่อยให้พวกแฟนๆ นับหมื่นคนของคุณผิดหวัง ก็แค่ไปทานข้าวที่ตระกูลเฟ่ยมื้อเดียวไม่ใช่เหรอ พอดีตอนนี้ฉันอยู่ติดกับตระกูลเฟ่ย คุณให้ตัวตัวบอกพวกเขาไป บอกว่าคุณจะไปตอนเที่ยงวันนี้ เดี๋ยวผมส่งที่อยู่ให้คุณ ตอนที่คุณมาให้มารับฉันไปด้วย ผมไปเป็นเพื่อนคุณ”
เมื่อกู้ชิวอี๋ได้ยินเช่นนี้ เธอก็ถามอย่างมีความสุขทันทีว่า “จริงเหรอพี่เย่เฉิน? คุณไปกับฉันไม่ได้เป็นการรบกวนเกินไปใช่ไหม?”
“ไม่” เย่เฉินหัวเราะและพูดว่า “ยังไงฉันก็ต้องเจอกับคนในครอบครัวตระกูลเฟ่ยในไม่ช้าอยู่แล้ว ตอนเที่ยงวันนี้ใช้โอกาสไปเจอกันก่อนสักหน่อยก็เป็นการดีเช่นกัน”
กู้ชิวอี๋พูดอย่างรวดเร็วว่า “งั้นก็ดี! งั้นฉันก็จะให้ตัวตัวไปสื่อสารกับพวกเขา ถ้ายืนยันเวลาได้แล้ว ฉันก็จะไปรับคุณและไปด้วยกัน!”
…….
เฉินตัวตัวรู้สึกโล่งใจทันที เมื่อรู้ว่าเย่เฉินเต็มใจที่จะไปที่บ้านตระกูลเฟ่ยเป็นเพื่อนกู้ชิวอี๋ด้วย
ถ้ากู้ชอวอี๋ไปทานข้าวด้วยตัวคนเดียว และถึงจะฆ่าเธอ เธอกํคงไม่กล้ารับปากหรอก
แต่ในเมื่อเย่เฉินเต็มใจที่จะไปเป็นเพื่อนกู้ชิวอี๋ เธอก็ไม่มีอะไรจะต้องกังวลอีกเลย
ในความเห็นของเธอ เย่เฉินจะต้องมีความแข็งแกร่งที่จะจัดการกับตระกูลเฟ่ยทั้งหมด มิฉะนั้นมันจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาลักพาเฟ่ยฮ่าวหยางไปโดยตรง
หลังจากนั้น เธอก็ได้โทรหาเฟ่ยเสวปิงทันที และพูดกับเขาว่า “คุณเฟ่ย คุณกู้มีเวลาตอนเที่ยงนี้ ไม่ทราบว่าพวกคุณจะสะดวกหรือไม่?”
ทันทีที่เฟ่ยเสวปิงได้ยินคำพูดนี้ เขาก็รู้แล้วว่าวิธีการของเขาใช้ได้ผล และรีบพูดทันทีว่า “สะดวก สะดวกแน่นอน! ถ้าคุณกู้มาตอนเที่ยง ฉันจะให้ทางห้องครัวเตรียมอาหารมื้อสุดหรูของครอบครัวทันที รอคอยการมาถึงของคุณกู้ด้วยความยินดี!”
เฉินตัวตัวรู้สึกรังเกียจในใจ และพูดอย่างไม่มีอารมณ์ว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้น งั้นก็ตกลงตามนี้นะค่ะ อีกสักครู่คุณกู้เสร็จงานแล้วจะรีบไปโดยตรงเลย”
เฟ่ยเสวปิงรีบพูดว่า “คุณเฉิน หรือว่าคุณให้ที่อยู่แก่ฉัน แล้วฉันจะส่งรถไปรับคุณกู้”
“ไม่ต้องแล้ว” เฉินตัวตัวพูดอย่างจางๆ ว่า “คุณกู้มีรถเอง และอีกสักครู่จะไปที่คฤหาสน์ตระกูลเฟ่ยของพวกคุณในลองบีชโดยตรง”
เฟ่ยเสวปิงหัวเราะ ไม่ได้ยืนกราน พูดด้วยรอยยิ้มว่า “โอเค ในเมื่อคุณกู้ยืนยันเช่นนั้น งั้นฉันก็จะรออยู่ที่บ้าน!”
เฉินตัวตัวพูดอย่างไม่อดทนว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้นะคะ ขอวางสายก่อน”
เฟ่ยเสวปิงวางโทรศัพท์มือถือลง และพูดกับเฟ่ยซานไห่ที่อยู่ตรงข้ามเขาว่า “ท่านพ่อ เจ้าเด็กผู้หญิงกู้ตอบตกลงว่าจะมาแล้ว และจะมาในตอนเที่ยง”
เฟ่ยซานไห่พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ และพูดอย่างเย็นชาว่า “เจ้าเด็กผู้หญิงคนนี้ต้องมีเงื่อนงำที่เกี่ยวข้องกับฮ่าวหยางแน่ๆ ก็คอยดูว่าอีกสักครู่เราจะสามารถหลอกถามอะไรออกจากปากเธอได้!”
เฟ่ยเสวปิงพูดอย่างกังวลเล็กน้อยว่า “ท่านพ่อ เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นบุคคลสาธารณะที่มีชื่อเสียงมากจริงๆ ถ้าเธอจงใจแกล้งทำเป็นคนโง่ทั้งๆ ที่รู้เรื่องทุกเรื่องทุกอย่าง เราก็ไม่สามรถทำอะไรกับเธอได้!”
“บุคคลสาธารณะงั้นเหรอ?” เฟ่ยซานไห่เยาะเย้ยอย่างเหยียดหยาม และพูดอย่างเย็นชา “บุคคลสาธารณะอยู่ในสายตาฉันมันไม่ถือเป็นอะไรเลย! ถ้าฉันพบเบาะแสจากตัวเธอได้แม้แต่น้อย ฉันจะไม่สนหรอกว่าเธอจะเป็นบุคคลสาธารณะหรือไม่ ถ้าเธอไม่บอกสิ่งที่เธอรู้ออกมาทุกอย่างอย่างตรงไปตรงมา ก็อย่านึกที่จะสามารถเดินออกจากประตูของตระกูลเฟ่ยของเราได้!”