ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4154 เตะโดนแผ่นเหล็กของจริง
“ใจเย็นๆงั้นเหรอ?” เย่เฉินอดหัวเราะไม่ได้ เมื่อได้ยินคำพูดของเขา
เขามองไปที่เฟ่ยซานไห่ ชี้ไปตรงที่นั่งที่เฟ่ยซานไห่นั่งเมื่อกี้นี้ และถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ตั้งแต่ฉันเดินเข้ามา คุณก็นั่งหยิ่งผยองราวกับนกอินทรีหางใหญ่อยู่ที่นั่น และเดี๋ยวก็บอกว่าจะไม่ปล่อยให้ฉันมีชีวิตออกประตูนี้ไปได้ เดี๋ยวก็บอกว่าจะฆ่าทั้งครอบครัวของฉัน ทำท่าทีดุดันยิ่งนัก? แต่ตอนนี้กลับระดิกหางเหมือนสุนัขและขอความสงสารจากฉัน เฟ่ยซานไห่ ตอนนี้ฉันไม่เข้าใจจริงๆเลยว่า หน้าไหนถึงเป็นตัวจริงของคุณกันแน่?”
เฟ่ยซานไห่ไม่คาดคิดเลยว่าคำพูดของเย่เฉินจะดูหมิ่นขนาดนี้ เขาจึงทำได้เพียงพูดอย่างโกรธเคืองว่า “ฉันขอโทษวีรบุรุษหนุ่ม เมื่อกี้นี้ฉันรุกรานมากเกินไป ยังหวังว่าคุณจะไม่ถือสา…….”
เย่เฉินส่งเสียงอย่างเย็นชา “คุณขู่ฉันด้วยความปลอดภัยส่วนตัวของฉัน และฉันก็พอจะอดทนได้ แต่คุณกลับขู่ฉันด้วยความปลอดภัยของทั้งครอบครัวของฉัน เรื่องนี้ฉันจะทนคุณไม่ไหวจริงๆแล้ว!”
สีหน้าของเฟ่ยซานไห่เต็มไปด้วยความสยดสยองครู่หนึ่ง และเขารีบพูดอย่างรวดเร็วว่า “ชายหนุ่มวีรบุรุษหนุ่ม……เมื่อกี้นี้ฉันไม่ได้บอกว่าจะฆ่าทั้งครอบครัวของคุณเลย!”
“โอ้?” เย่เฉินขมวดคิ้วและถามว่า “คุณไม่ได้พูด แล้วใครพูดล่ะ?”
เฟ่ยซานไห่มองไปที่ลูกชายของเขาเฟ่ยเสวปิงโดยจิตสำนึก
คำพูดที่บอกว่าจะฆ่าทั้งครอบครัวของเย่เฉินในตอนเมื่อกี้นั้น เฟ่ยเสวปิงเป็นคนพูดจริงๆ
เฟ่ยซานไห่ไม่ยอมที่จะแบกรับแทนลูกชายของเขา และเขากลัวว่าถ้าเกิดเย่เฉินจะโกรธ และยกมือขึ้นตบเขา และร่างกายที่มีอายุเจ็ดแปดสิบของเขาก็ไม่สามารถรับไหวได้
ในหัวใจของเฟ่ยเสวปิงก็เริ่มกลัว เมื่อพ่อของเขามองมาที่เขาแบบนี้
เขาก็ไม่ใช่คนโง่เช่นกัน เมื่อเห็นว่าจางชวนไม่ได้ถือเป็นอะไรอยู่ต่อหน้าเย่เฉิน จึงรู้ว่าตัวเองได้เตะแผ่นเหล็กที่แท้จริงเข้าแล้วในคราวนี้
ในสถานการณ์แบบนี้ เขาจะกล้าไปยั่วยุเย่เฉินได้อย่างไร
เฟ่ยซานไห่เห็นว่าเฟ่ยเสวปิงก้มศีรษะลงและไม่พูดอะไร เขาก็ตัวสั่นด้วยความโกรธ และตะโกนอย่างโกรธเคืองว่า “ไอ้เวร! มึงยังจะแกล้งโง่อยู่ตรงนั้นทำไม? คำพูดที่ตัวเองพูดออกมาแล้วไม่รู้จักรับผิดชอบเองเหรอ? รีบขอโทษคุณเย่ทันที!”
เฟ่ยเสวปิงสั่นสะท้าน รีบก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และพูดด้วยเสียงอันดังว่า “คุณ…….คุณเย่…..ผมขอโทษ…….มันเป็นความผิดของฉันเองที่ปากเสี…….คุณอย่าถือสากับผมเลย…..”
เย่เฉินถามเขากลับว่า “โอ๊ย? รู้ว่าตัวเองปากเสียแล้วเหรอ?”
เฟ่ยเสวปิงพยักหน้าซ้ำๆและพูดว่า “รู้แล้ว รู้แล้วจริงๆ…….”
เย่เฉินพูดอย่างเย็นชาว่า “รู้ว่าตัวเองปากเสีย ยังไม่รีบตบปากอีก? หรือว่ายังจะรอให้ฉันตบให้คุณงั้นเหรอ?”
เฟ่ยเสวปิงรู้สึกโกรธ เมื่อได้ยินคำพูดนี้
ในชาตินี้ ไม่มีใครกล้าตบปากของเขาเลย และยิ่งไม่มีใครกล้าให้เขาตบปากตัวเอง
ยิ่งไปกว่านั้น เย่เฉินก็ดูเหมือนอายุราวๆยี่สิบปี แล้วตัวเองจะเชื่อฟังคำสั่งของคนเช่นนี้ได้อย่างไร?
เย่เฉินเห็นว่าเฟ่ยเสวปิงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาโดยไม่รู้ตัว และก็ไม่ได้เร่ง หรือด่าเขา แต่กลับลุกขึ้นยืน และตบเข้าที่ใบหน้าของเฟ่ยซานไห่โดยตรง
การตบนี้ ทำให้เฟ่ยซานไห่หมุนตัวไปหลายรอบเลยทีเดียว
เฟ่ยซานไห่มึนงง และนั่งลงกับพื้น โชคดีที่บนพื้นปูด้วยพรมขนสัตว์หนาๆ ไม่เช่นนั้น กระดูกเชิงกรานของเขาต้องหักแน่ๆ
เฟ่ยซานไห่ถูกตบจนมึนไปหมด และในใจของเขาก็รู้สึกโกรธมาก ในเวลานี้เย่เฉินกลับกล่าวว่า “ไอ้แก่มึงจำไว้ การถูกตบในครั้งนี้ คือรับโทษแทนลูกชายของมึง ตามที่คำกล่าวกล่าวไว้ว่ามีลูกแต่ไม่สั่งสอนมันเป็นความผิดของพ่อ เขาไม่รู้เรื่อง มันก็เป็นความรับผิดชอบของมึง และมึงจะต้องรับผิดแทนเขา”
เฟ่ยเสว่ปิงตกใจในทันที จะรู้ได้อย่างไรว่าเย่เฉินตบพ่อของเขา แล้วโยนความผิดมาให้กับตัวเอง!
เขาแอบด่าอยู่ในใจว่า “นี่แม่งไม่ใช่จะหว่านความบาดหมางกันเหรอ?”
“ถ้ารู้แต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้ ฉันยอมที่จะตบตัวเองสองครั้ง ก็ไม่สามารถปล่อยให้ท่านพ่อโดนตบเลย หลังจากการตบในครั้งนี้ ในใจของพ่อไม่รู้ว่าจะเกลียดฉันมาแค่ไหน…….”
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็รีบไปประคองตัวเฟ่ยซานไห่ลุกขึ้นมา
เฟ่ยซานไห่รู้สึกโกรธอยู่ในใจ และสะบัดมือของเฟ่ยเสวปิงออก