ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4167 ตะเกียงใกล้ดับ
ในเวลาเดียวกัน สีหน้าของเย่เฉินบนชั้นสองก็ยุ่งยากอย่างยิ่ง
เขาเองก็ได้ยินโทรศัพท์ของอานโฉงชิวและน้าสาวอานโยวโยวแล้ว และรู้ว่าชีวิตของตากำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย
ในเวลานี้ หัวใจของเขาก็อดไม่ได้ที่จะแตกตื่นเช่นกัน
แต่เขาไม่เข้าใจว่า ทำไมคุณตาที่ร่ำรวยขนาดนั้น อายุก็เพียง 70 ปีถึงได้เข้าใกล้ความตายได้เร็วขนาดนี้
ตามคำอธิบายของน้าสาวทางโทรศัพท์ เกรงว่าคุณตาจะเป็นเหมือนตะเกียงใกล้ดับแล้ว ในสถานการณ์แบบนี้ นอกจากยาอายุวัฒนะของตนแล้ว ทั่วทั้งใต้หล้าเกรงว่าจะไม่มียารักษาเขาได้อีก
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ถ้าตนไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ คุณตาของเขาก็อาจไม่รอด
ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เขาก็คือบิดาของมารดาตน เลือดหนึ่งในสี่ของตนนั้นมาจากเขา ต่อให้ตนมีอคติต่อเขามากแค่ไหน ตนเองก็ไม่มีทางเห็นความตายไม่เข้าช่วยเหลือได้แน่
แต่ว่า เมื่อมองตนเองในตอนนี้ ตนยังไม่พร้อมที่จะเจอครอบครัวคุณตา
ขณะที่เย่เฉินกำลังคิดไม่ตก กู้ชิวอี๋ก็เห็นสิ่งผิดปกติกับเขาและรีบถาม “พี่เย่เฉิน คุณเป็นอะไรไป?”
เย่เฉินมองไปที่กู้ชิวอี๋ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “หนานหนาน ถ้าเธอสะดวกล่ะก็ เธอช่วยไปลอสแองเจลิสให้ฉันหน่อยได้ไหม?”
กู้ชิวอี๋พยักหน้าโดยไม่ต้องคิด “ได้! พี่เย่เฉิน คุณอยากให้ฉันไปทำอะไรที่ลอสแองเจลิส?”
เย่เฉินเอ่ย “ไปลอสแองเจลิสและหาคุณยายของฉันที่ตระกูลอาน”
พูดไป เย่เฉินก็หยิบยาช่วยหัวใจออกจากกระเป๋าของตนและส่งให้กู้ชิวอี๋ จากนั้นก็พูดอย่างจริงจังว่า “มอบยานี้ให้กับคุณยายของฉัน ให้เธอเอามันให้คุณตาของฉันกิน”
กู้ชิวอี๋พูดด้วยความประหลาดใจ “พี่เย่เฉิน ตาของคุณป่วยหรือ?”
“ใช่” เย่เฉินพยักหน้าและพูดอย่างกังวลว่า “ฟังดูแล้ว ดูเหมือนเขาจะป่วยหนักมาก”
กู้ชิวอี๋รีบถาม “แล้วทำไมคุณไม่เอามันไปให้น้าชายใหญ่ของคุณโดยตรงล่ะ? เขาอยู่ข้างล่างไม่ใช่เหรอ?”
เย่เฉินส่ายหัวและพูดว่า “เขาไปแล้ว”
พูดจบ เย่เฉินก็กล่าวว่า “นอกจากนี้ ตอนนี้ฉันไม่พร้อมที่จะพบพวกเขา”
กู้ชิวอี๋พยักหน้าเบา ๆ และพูดต่อว่า “พี่เย่เฉิน ฉันไม่รู้ว่าบ้านตระกูลอานอยู่ที่ไหนในลอสแองเจลิส… นอกจากนี้ ตระกูลใหญ่อย่างตระกูลอานจะต้องมีการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมาก ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาจะให้ฉันเข้าไปรึเปล่า…”
เย่เฉินพูดอย่างจริงจังว่า “เรื่องนี้เธอไม่ต้องห่วง เธอบินไปก่อน แล้วฉันจะให้ว่านพั่วจวินตรวจสอบที่อยู่ของบ้านคุณตาฉันในลอสแองเจลิส พอเธอไปที่บ้านตระกูลอานก็เข้าไปบอกคนใช้ของตระกูลอานโดยตรง ว่าเธอก็คือคู่หมั้นของฉันและต้องการมาเยี่ยมคุณตาคุณยายของฉัน พวกเขาจะต้องปล่อยให้เธอเข้าไปแน่”
เมื่อได้ยินคำว่า “คู่หมั้น” กู้ชิวอี๋ก็รู้สึกทั้งเขินอายและมีความสุข ฟันเรียงสวยของเธอค่อย ๆ กัดริมฝีปากล่างของตนและพูดอย่างเขินอาย “อย่างนั้น…ถ้า… ถ้าคุณยายถามถึงคุณขึ้นมา ฉันจะตอบยังไงดี?”
เย่เฉินเอ่ย “บอกแค่เธอยังไม่พบข่าวคราวของฉัน”
กู้ชิวอี๋พูดอย่างกังวลอยู่บ้าง “แต่ฉันต้องอธิบายที่มาที่ไปของยาช่วยหัวใจ…ไม่อย่างนั้นพวกเขาอาจจะไม่เชื่อฉัน…”
เย่เฉินเอ่ย “อย่าปล่อยให้พวกเขารู้ว่าเธอมาที่นี่เพื่อส่งมอบยา แสดงท่าทีออกไปว่าที่เธอมาก็เพื่อต้องการมาเยี่ยมเยือนสักหน่อย พอได้ยินว่าตาของฉันป่วย เธอก็ค่อยมอบยาออกไปให้เขาโดยไม่ต้องคิด”
พูดไป เย่เฉินก็เอ่ยต่อว่า “หากพวกเขาไม่เชื่อในประสิทธิภาพของยานี้ เธอก็บอกไปว่ายานี้เป็นยาที่คุณลุงกู้ได้รับมาโดยบังเอิญ แล้วบอกพวกเขาว่าลุงกู้ก็อาศัยยานี้เพื่อรักษามะเร็งตับอ่อนของเขาที่พัฒนาเป็นระยะสุดท้ายด้วยเหมือนกัน ยามีทั้งหมด 2 เม็ด พ่อของเธอกินไปแล้วหนึ่งเม็ดและยังเหลืออีกหนึ่งเม็ดที่เธอ ฉันเชื่อว่าพวกเขาน่าจะเคยได้ยินเกี่ยวกับการฟื้นตัวจากมะเร็งตับอ่อนระยะสุดท้ายของลุงกู้แน่ ต่อให้ไม่เคยได้ยิน แต่อาศัยกำลังของพวกเขาก็จะสามารถยืนยันได้ภายในไม่กี่นาที!”