ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4173 ฉันเป็นคู่หมั้นของพี่เย่เฉิน!
“เรื่องนี้…” ฉงชิวรีบพูด “แม่… เรื่องยังไปไม่ถึงขั้นนั้น อย่าคิดเรื่องพวกนี้เร็วนัก…”
นายหญิงใหญ่ส่ายหัวและเช็ดน้ำตาของเธอ ก่อนจะพูดอย่างไร้ความรู้สึกว่า “วิธีการทั้งหมดที่ใช้ได้ล้วนถูกนำมาใช้หมดแล้ว วิธีการที่ไม่สามารถใช้ได้ก็พยายามแล้วเช่นกัน อีกทั้งแม่ยังเชิญหงเทียนซือที่พ่อของลูกเอาแต่ต่อต้านอยู่เสมอมา ตอนนี้แม่ไม่รู้จะทำยังไงแล้วจริงๆ…”
อานโฉงชิวรู้ว่าพ่อของเขาไม่เคยเชื่อในศาสนา นับประสาอะไรกับซวนซวน ไม่ว่าเขาจะเป็นหงเทียนซือแห่งสำนักยาอายุวัฒนะหรือเป็นอาจารย์ล่ายแห่งอี้จิงปากั้วก็ดี ในสายตาเขา ทั้งหมดล้วนเป็นเพียงเรื่องหลอกลวงเท่านั้น
ถ้าไม่ใช่เพราะหมดหนทางแล้วจริงๆ มารดาของเขาคงไม่มีวันเชิญหงเทียนซือมาที่บ้านแน่
ในเวลานี้ อานโฉงชิวผู้ซึ่งปลอบโยนน้องชายน้องสาวและแม่ของเขา ในใจของตนก็เริ่มสิ้นหวังมากขึ้นเช่นกัน
ตามความเห็นของเขา คราวนี้พ่อของเขาอาจผ่านพ้นไปไม่ได้แล้วจริงๆ
……
ในขณะเดียวกัน
กลางอากาศซึ่งห่างจากคฤหาสน์ตระกูลอานออกไปเพียงสิบกิโลเมตร
เครื่องบินส่วนตัวของกู้ชิวอี๋ได้ลดระดับความสูงลงเหลือน้อยกว่า 2,000 เมตร
ในเวลานี้ลูกเรือได้ปรับทิศทางให้สอดคล้องกับรันเวย์ของตระกูลอาน และพร้อมที่จะลงจอดที่นั่น
ก่อนหน้านี้กู้ชิวอี๋ได้รับตำแหน่งที่ตั้งของคฤหาสน์ตระกูลอานมาจากเย่เฉินผ่านทางโทรศัพท์ดาวเทียม ในเวลาเดียวกันเธอยังได้รับข้อมูลว่าในคฤหาสน์ตระกูลอานมีรันเวย์ 4E เป็นของตัวเอง
รันเวย์ประเภทนี้ โดยทั่วไปจะตอบสนองการขึ้นและลงตามปกติของเครื่องบินทุกประเภท ยกเว้นแอร์บัส A380 ที่บรรทุกสัมภาระเต็มจำนวน
เพื่อแข่งกับเวลา เย่เฉินต้องการให้กู้ชิวอี๋ลงจอดที่บ้านตระกูลอานโดยตรง
อย่างไรก็ตาม ตระกูลอานมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนามาโดยตลอด หากไม่มีการแจ้งขึ้นลงของเครื่องบินมาก่อน พวกเขาจะใช้ยานพาหนะหนักหลายคันเพื่อขวางรันเวย์เอาไว้ เพื่อป้องกันมิให้อาชญากรลงจอดที่คฤหาสน์ตระกูลอานโดยตรง ดังนั้นเครื่องบินที่ลงจอดที่นี่จะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ควบคุมภาคพื้นดินของตระกูลอานเสียก่อน
ดังนั้น กัปตันจึงต่อสายวิทยุเรียกเจ้าหน้าที่ควบคุมของรันเวย์ของตระกูลอานทันที
” ANAP นี่คือ b9733 นี่คือ b9733 โปรดตอบด้วย”
ANAP เป็นสัญญาณเรียกขานรันเวย์ของตระกูลอานที่จดทะเบียนในการบินพลเรือน หลังจากทำการติดต่อกับอีกฝ่าย อีกฝั่งก็เอ่ยถามมาจากวิทยุทันที ” B9733 นี่คือ ANAP โปรดระบุตัวตนของคุณ”
กัปตันพูดอย่างเร่งรีบ “บนเครื่องบินของเรามีแขกคนสำคัญคนหนึ่งที่มีสถานะพิเศษและต้องการมาเยี่ยมเยือนนายหญิงใหญ่ของตระกูลอาน โปรดอนุญาตให้เครื่องบินของฉันลงจอดบนรันเวย์ของตระกูลอานโดยตรง”
อีกฝ่ายกล่าวทันทีว่า “ตอนนี้พวกเรายังไม่ได้รับรายงานใดๆ เกี่ยวกับเครื่องบินของแขกที่มาเยือน และไม่อนุญาตให้เครื่องบินใดลงจอดที่นี่ หากคุณต้องการมาเยี่ยมเยือน โปรดติดต่อกับเจ้าบ้านก่อน หลังจากที่เราได้รับคำสั่งของเจ้าบ้าน เราจะเปิด รันเวย์ทันที”
กัปตันกล่าว “แขกคนสำคัญบนเครื่องบินของฉันมีสถานะพิเศษมาก เธอไม่มีข้อมูลติดต่อของตระกูลอานในขณะนี้ พวกคุณโปรดแจ้งให้ทราบแทนเธอด้วย”
“ขออภัยด้วย” อีกฝ่ายปฏิเสธโดยไม่คิด “หลักการทำงานของเราคือรับคำสั่ง เจ้าบ้านบอกเราว่าเครื่องบินลำไหนลง เครื่องบินลำนั้นก็ลงได้ พวกเราไม่มีอำนาจยื่นคำร้องกับเจ้าบ้าน มีสิ่งกีดขวางบนรันเวย์ เราขอแนะนำให้คุณไปที่สนามบินสาธารณะเพื่อลงจอด”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมแพ้ กัปตันจึงรีบออกอากาศในห้องโดยสารและกล่าวว่า “คุณหนูกู้ เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินของอีกฝ่ายไม่อนุญาตให้เราลงจอด ในกรณีนี้ พวกเราได้แต่ต้องไปลงจอดที่สนามบินนานาชาติลอสแองเจลิสเท่านั้น ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ในใจของกู้ชิวอี๋ก็รู้สึกกังวล “ถ้าไปลงจอดที่สนามบินนานาชาติลอสแองเจลิส จะต้องใช้เวลานานมากในการเปลี่ยนรถหลังออกจากสนามบิน…”
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอจึงรีบปลมเข็มขัดนิรภัยแล้วรีบไปที่ห้องนักบินและพูดกับกัปตันว่า “เปิดวิทยุแล้วฉันจะคุยกับพวกเขา!”
กัปตันถอดหูฟังออกทันทีและยื่นให้กู้ชิวอี๋ จากนั้นเขาก็กดปุ่มส่งเสียงและพูดว่า “คุณหนูกู้ คุยได้แล้วครับ”
กู้ชิวอี๋สวมหูฟังของเธอและพูดอย่างกระตือรือร้นว่า “ฉันเป็นคู่หมั้นของพี่เย่เฉิน…ฉันมีเรื่องสำคัญที่ต้องไปพบคุณยายของพี่เย่เฉิน!”
พนักงานหนุ่มไม่รู้ว่าเย่ฉินเป็นใคร เมื่อเห็นเลขทะเบียนเครื่องบินขึ้นต้นด้วย B เขาก็ทันทีรู้ว่าเครื่องบินนนี้มาจากหัวเซี่ย จากนั้นจึงพูดอย่างเคร่งเครียดว่า “ที่นี่คือตระกูลอาน ไม่มีคนชื่อเย่เฉิน ได้โปรดเปลี่ยนเส้นทางการบิน ไม่อย่างนั้นผมจะร้องเรียนไปยัง Federal Aviation Administration และในกรณีร้ายแรง เครื่องบินของคุณจะถูกห้ามไม่ให้บินเข้าไปในน่านฟ้าของสหรัฐอเมริกาอีก!”
กู้ชิวอี๋กระทืบเท้าอย่างกังวลและโพล่งออกมา “นายกล้าดียังไง!! ฉันจะบอกนายให้! พี่เย่เฉินเป็นลูกชายของคุณป้าอานเฉิงซี!”