ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4175 เธอมีเบาะแสของเฉินเอ๋อหรือไม่?
นายหญิงใหญ่เองก็มีความสุขมากเช่นกัน ขณะที่เธอปาดน้ำตา ด้านหนึ่งก็แทบรอไม่ไหวจนโพล่งออกมา “เร็วเข้า ประคองฉันไปด้านนอก! ฉันอยากเห็นเฉินเอ๋อลงจากเครื่องบินด้วยตาของฉันเอง!”
อานโฉงชิวรีบประคองนายหญิงใหญ่ออกไป ขณะที่น้ารองและน้าสามรวมถึงน้าสาวของเย่เฉินก็เดินตามโดยไม่รู้ตัว
เมื่ออานโฉงชิวเห็นดังนั้นเขาก็รีบพูดว่า “ข่ายเฟิง นายไม่ต้องไปแล้ว อยู่ที่นี่เฝ้าพ่อ หากมีเรื่องฉุกเฉินอะไรเกิดขึ้น นายจะได้รับมือได้อย่างทันท่วงที”
อานข่ายเฟิงลังเลในทันที แต่เมื่อคิดดูแล้วก็รับปากเขา
อันที่จริง เขาก็อยากจะออกไปกับทุกคนเพื่อดูว่าเย่เฉินกลับมาจริงหรือไม่มากเช่นกัน
นั่นเพราะท้ายที่สุดแล้ว ในบรรดาพี่น้องตระกูลอาน แม้ว่าทุกคนจะมีความรู้สึกลึกซึ้งต่ออานเฉิงซี แต่ความรู้สึกระหว่างอานข่ายเฟิงและอานเฉิงซีนั้นลึกซึ้งที่สุดในบรรดาพี่น้อง
ความเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวที่ผ่านมาโดยตลอดของเขานั้นล้วนค่อยๆ พัฒนาขึ้นหลังจากอานเฉิงฉีเสียชีวิตไป
ขณะที่อานเฉิงซียังมีชีวิตอยู่ เขาก็คือผู้ติดตามที่มีความศรัทธาในตัวเธอมากที่สุด
จนกระทั่งอานเฉิงซีเสียชีวิตลง เขาถึงค่อยๆเริ่มเลียนแบบพฤติกรรมของพี่สาวโดยไม่ได้ตั้งใจและค่อยๆ บรรลุสู่ความสำเร็จในปัจจุบันของเขาทีละน้อย
แต่ในใจส่วนลึกของเขา เขารู้สึกว่า ความสามารถของเขาไม่ได้ดีเท่ากับพี่สาวของเขา
ในเวลานี้เอง
ในตอนท้ายของรันเวย์ เครื่องบินค่อยๆ เคลื่อนเข้าหาจากที่สูงไปต่ำ จากไกลเข้าสู่ระยะใกล้
คนในตระกูลอานเริ่มประหม่ามากขึ้นเรื่อยๆ
นายหญิงใหญ่อดไม่ได้ที่จะถามลูก ๆ ของเธอว่า “พวกลูกว่า…เฉินเอ๋อจะอยู่บนเครื่องบินไหม?”
ทุกคนล้วนไม่กล้าตอบ นั่นเพราะเย่เฉินได้หายตัวไปเกือบ 20 ปีแล้ว พวกเขาไม่กล้าคาดหวังว่าเย่เฉินจะกลับมาในเวลานี้
ก่อนหน้านี้ พวกเขาเองก็เคยยืนยันคนผิดมาแล้ว ทุกครั้งที่คิดว่าพวกเขาได้พบเย่เฉินแล้ว แต่ในท้ายที่สุดเมื่อพิสูจน์ผลจาก DNA แล้วทุกอย่างก็ล้วนเป็นการยินดีไปอย่างเปล่าประโยชน์เท่านั้น
ดังนั้น คราวนี้ ทุกคนจึงกังวลว่ามันจะยังคงเป็นแค่ความฝัน
เมื่อเสียงคำรามของเครื่องยนต์เครื่องบินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เครื่องบินของกู้ชิวอี๋ก็ลงจอดที่ปลายรันเวย์อย่างราบรื่น จากนั้นกลไกย้อนกลับของแรงขับของเครื่องยนต์อากาศยานก็เปิดขึ้นและเสียงคำรามก็ดังลั่นขึ้น
ไม่นานนัก ความเร็วของเครื่องบินก็ลดลงและภายใต้การชี้แนะของยานพาหนะนำทางภาคพื้นดิน เครื่องบินก็ค่อยๆ ร่อนลงไปที่ประตูหน้าของอาคารหลัก
ทันทีที่ประตูห้องโดยสารเปิดออก หัวใจของคนในตระกูลอานก็พุ่งขึ้นมาอยู่ที่ลำคอของพวกเขา
ในเวลานี้ กู้ชิวอี๋ที่ในห้องโดยสารก็รู้สึกประหม่าอย่างมาก
จากนั้น ประตูห้องโดยสารก็เปิดออก
เมื่อตระกูลอานเห็นกู้ชิวอี๋เข้า หลานๆหลายคนก็อุทานขึ้นทันที “นั่นคือกู้ชิวอี๋ไม่หรือไม่?!”
ในฐานะนักร้องชั้นแนวหน้าของหัวเซี่ย กู้ชิวอี๋นั้นเป็นที่รู้จักอย่างดี
น้องชายและน้องสาวของเย่เฉินทุกคนล้วนรู้จักเธอและชอบเพลงของเธอมาก
ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นกู้ชิวอี๋ลงมาจากห้องโดยสารของเครื่องบิน พวกเขาต่างก็แปลกใจไปตามๆกัน
ในเวลานี้นายหญิงใหญ่รู้สึกประหม่าอย่างมาก เธอเอาแต่มองไปยังด้านหลังกู้ชิวอี๋ แต่เมื่อเธอเห็นว่าไม่มีใครอยู่ข้างหลังของอีกฝ่าย ในใจก็ผิดหวังอีกครั้งทันที
เธอรู้ว่า หลานชายของตนไม่ได้อยู่บนเครื่องบินอย่างแน่นอน
กู้ชิวอี๋ในเวลานี้ได้เดินมาต่อหน้าฝูงชน จากนั้นก็บังคับอาการประหม่าของเธอและพูดว่า “สวัสดีทุกท่าน ฉันชื่อกู้ชิวอี๋… ฉันเป็นคู่หมั้นของพี่เย่เฉิน …
“กู้ชิวอี๋…” นายหญิงใหญ่มองมาที่เธอและรีบถาม “คุณคือหญิงสาวตัวน้อยของตระกูลกู้ที่เฉิงซีเคยพูดถึงใช่ไหม?!”
กู้ชิวอี๋พยักหน้าอย่างรวดเร็วและกล่าวด้วยความเคารพ “ไม่ผิด เป็นหนูเองค่ะ…”
จากนั้นเธอก็ถามอย่างสุภาพว่า “คุณน่าจะเป็นคุณยายของพี่เย่เฉินใช่ไหมคะ?”
นายหญิงใหญ่พยักหน้าเบา ๆ “ฉันเอง…เด็กดี ไหนเธอลองบอกยายมาหน่อย ว่าหนูรู้เบาะแสของเย่เฉินรึเปล่า?