ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4177 ฉันมียาอยู่อย่างหนึ่ง
ในเวลานี้แพทย์ผู้ดูแลของอานฉี่ซานกล่าวว่า “ใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจไม่ได้แล้ว สถานการณ์ปัจจุบันของคุณท่าน เครื่องกระตุ้นหัวใจมีแต่จะทำให้เขาต้องเจ็บปวดก่อนที่เขาจะจากไป ร่างกายของเขามาถึงขีดจำกัดแล้ว…”
หมอคนนั้นเมื่อเห็นว่า ECG เกือบวิ่งเป็นเส้นตรงแล้วก็ถามด้วยความตื่นตกใจ “ผู้อำนวยการ ช่วยชีวิตไม่ได้แล้วจริงหรือ?”
ในเวลานี้ ผอ.มองดูนายหญิงใหญ่แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “นายหญิงใหญ่ ตอนนี้ถ้าเรายังช่วยชีวิตคุณท่านอยู่ อย่างมากก็จะยื้อเวลาเอาไว้ได้แค่สิบนาทีหรืออาจได้แค่สักสองสามนาทีเท่านั้น ไม่ว่าเครื่องกระตุ้นหัวใจก็ดี หรือการปั้มหน้าอกก็ดี ทั้งหมดนี้มีแต่จะทำให้คุณท่านเจ็บปวดมากขึ้นในนาทีสุดท้าย คุณคิดว่าเราควรจะล้มเลิกการช่วยเหลือ แล้วปล่อยให้คุณท่านจากไปอย่างสงบหรือไม่?”
นายหญิงใหญ่ผงกศีรษะของเธอเบา ๆ เธอเช็ดน้ำตาของเธอและเอ่ยสะอื้นไห้ “พวกคุณทุกคนออกไปเถอะ ให้ฉันและลูก ๆ ได้อยู่กับเขาในช่วงเวลาที่เหลืออยู่”
ทันทีที่ถ้อยคำเหล่านี้ออกมา ลูกหลานของตระกูลอานก็ก้มหน้าและร้องไห้อย่างขมขื่นทันที
เมื่อรู้ว่านายหญิงใหญ่ได้ตัดสินใจแล้ว ผู้อำนวยการก็พยักหน้าน้อยๆด้วยความเข้าใจอย่างยิ่ง เขาส่งสายตาให้เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนที่อยู่รอบๆ ตัวเธอ แล้วพูดกับนายหญิงใหญ่ว่า “นายหญิงใหญ่ พวกเราออกไปก่อนแล้ว หากมีอะไรคุณเรียกพวกเราได้ตลอด”
เมื่อเห็นว่าคุณท่านใกล้จะเสียชีวิตแล้ว กู้ชิวอี๋ก็รีบพูดขึ้นว่า “คุณย่า ผม… หนูมียาชนิดหนึ่ง…บางทีมันอาจจะช่วยชีวิตคุณตาได้…”
นายหญิงใหญ่ยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าวขอบคุณ “เด็กดี ขอบคุณหนูมาก แต่ตาของหนูครั้งนี้ไม่สามารถผ่านกำแพงนี้ไปได้แล้วจริงๆ ยาอะไรก็ช่วยเขาไม่ได้ทั้งนั้น ปล่อยเขาไปอย่างสงบเถอะ”
พูดจบ เธอก็พูดอย่างจริงจังอีกว่า “เด็กดี หนูเป็นคู่หมั้นของเฉินเอ๋อ ในสายตาของฉันก็คือคนในครอบครัวเรา ถ้าหนูไม่กลัว ก็อยู่ที่นี่กับยาย”
กู้ชิวอี๋รีบหยิบยาช่วยหัวใจที่เย่เฉินให้ตัวเองออกมาอย่างรวดเร็ว และพูดอย่างกระตือรือร้นว่า “คุณยาย ยานี้เป็นยาช่วยหัวใจ ซึ่งพ่อของหนูบังเอิญไปได้มา ตอนนั้นเขาป่วยเป็นมะเร็งตับอ่อนระยะสุดท้าย หลังจากกินยานี้ไปแค่เม็ดเดียวก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง ตอนนี้ยังเหลือยาเม็ดสุดท้ายอยู่ พ่อให้หนูพกพาติดตัวอยู่ตลอดเผื่อจำเป็น ผลของยานี้ดีมากจริงๆ คุณให้คุณตาลองดูหน่อยเถอะค่ะ!”
“ยาช่วยหัวใจ?” คนในตระกูลอานได้ยินเข้าก็มองหน้ากันอย่างอดไม่ได้
อันที่จริงแล้ว ยกเว้นนายหญิงใหญ่กับอานโฉงชิว สมาชิกคนอื่นๆในตระกูลอานล้วนไม่เชื่อในยาครอบจักรวาลใดๆ
เมื่อครู่นี้ หงเทียนซือหยิบยาต่ออายุซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่ามานานหลายปีออกมา ทุกคนเองก็เห็นแล้วว่ายาเม็ดนี้ไม่มีผลอะไรจริง ดังนั้นกู้ชิวอี๋ที่เวลานี้หยิบเอาช่วยหัวใจออกมา ทุกคนย่อมคิดตามสัญชาตญาณว่ายาเม็ดนี้ก็เหมือนกับยาต่ออายุเมื่อครู่นี้ที่จะไม่มีผลที่สำคัญใดๆ
ดังนั้น เมื่อนายหญิงใหญ่จึงเห็นว่าลมหายใจของอานฉี่ซานเปลี่ยนเป็นอ่อนลงอย่างมาก จนแทบจะมองไม่เห็นการขึ้นลงของหน้าอกแล้ว เธอก็ร้องไห้อย่างขมขื่นและเอ่ยปฏิเสธ “เด็กดี หนูเก็บยานี้ไว้เองเถอะ ในกรณีของคุณตาหนู ยาอะไรก็ไร้ประโยชน์ทั้งนั้น ให้เขาไปอย่างสงบเถอะ”
กู้ชิวอี๋พูดอย่างร้อนใจอยู่บ้าง “คุณยาย ยานี้ต่างจากยาธรรมดาทั่วไปจริงๆ พ่อของหนูในตอนนั้นเองก็เข้ารับการรักษามะเร็งตับอ่อนในสหรัฐอเมริกาเช่นกัน เขาใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ระดับไฮเอนด์ทั้งหมดในสหรัฐอเมริกาจนหมดและแทบจะไม่ได้ผลอะไร แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นยาเม็ดนี้ที่ช่วยชีวิตเขา!”
ขณะที่เธอพูด กู้ชิวอี๋ก็กลัวว่าพวกเขาจะไม่เชื่อเขา ดังนั้นเธอจึงรีบพูดอีกว่า “ใช่สิ ตอนที่พ่อของหนูป่วย สื่อในประเทศจำนวนมากได้รายงานถึงเรื่องของเขา แม้แต่สื่อที่ไร้ยางอายหลายฉบับก็ตีพิมพ์ข่าวเท็จเกี่ยวกับการเสียชีวิตของคุณพ่อ ต่อมาพอเขาฟื้นตัวแล้วก็ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนและเกิดการถกเถียงในจีนเป็นจำนวนมาก ถ้าพวกคุณไม่เชื่อหนู ก็สามารถค้นหาข่าวเกี่ยวกับพ่อของหนูทางออนไลน์ได้ตลอดเวลา พ่อของหนูชื่อกู้เย้นจง!”