ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4210 ฆาตกรรมในคืนมืด จุดไฟในยามลมแรง
ในความเห็นของเย่เฉิน ใครก็ตามที่เป็นขยะประเภทเดียวกับเฟ่ยฮ่าวหยางจะต้องถูกฆ่าโดยเร็ว
มิฉะนั้น หากพวกเขาถูกส่งตัวไปยังฝ่ายตุลาการของสหรัฐอเมริกาจริงๆ อย่างนั้นพวกเขาล้วนไม่มีใครที่ได้ชดใช้สิ่งที่ทำลงไปด้วยชีวิต
นอกจากนี้ จากการตัดสินผ่านการบังคับใช้กฎหมายและการดำเนินการในที่ลับของฝ่ายตุลาการในพื้นที่ คนร่ำรวยพวกนี้ ต่อให้พวกเขาจะถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตก็ตาม ก็ยังสามารถใช้ชีวิตในเรือนจำได้อย่างสบายๆ
ดังนั้น เย่เฉินจึงตัดสินใจให้ว่านพั่วจวินฆ่าคนเหล่านี้ทั้งหมดลงในคราวเดียว ไม่เหลือไว้สักคน!
ว่านพั่วจวินย่อมเข้าใจเจตนาของเย่เฉินและกล่าวด้วยความเคารพว่า “คุณเย่ไม่ต้องกังวล ผมพบข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับคนเหล่านี้แล้ว ส่วนมากพวกเขาล้วนอยู่ที่นิวยอร์ก ลูกน้องของผมจะไปจัดการล่าพวกเดรัจฉานเหล่านี้ในคืนนี้!”
เฟ่ยเข่อซินซึ่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งรีบถาม “คุณเย่…คุณจะเปิดเผยเรื่องนี้และวิดีโอพวกนั้นเมื่อไหร่?”
เย่เฉินมองออกไปนอกหน้าต่างและกล่าวว่า “เมื่อฆาตกรรมในคืนมืด จุดไฟในยามลมแรง อีกเดี๋ยวฉันจะให้คนโพสต์วิดีโอไปยังอินเทอร์เน็ต อาศัยด้วยความเห็นของสาธารณชนที่มีต่อเรื่องการลักพาตัวเฟ่ยฮ่าวหยางในก่อนหน้านี้ เรื่องนี้จะต้องสร้างความโกลาหลขึ้นอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นผู้สมรู้ร่วมคิดพวกนั้นก็จะหาทางหนีออกจากสหรัฐอเมริกาก่อนเป็นอย่างแรกเพื่อหลีกเลี่ยงบทลงโทษทางกฎหมาย ถึงตอนนั้นก็สามารถใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ไปทำให้พวกมันตกใจจนออกมาและจับพวกมันให้หมด”
พูดจบ เขาก็มองไปที่เฟ่ยเข่อซินและเอ่ยสั่งว่า “ตระกูลเฟ่ยจะต้องออกมาพูดหลังจากเหตุการณ์ถูกเปิดเผย ให้คนได้รู้ว่าพวกคุณออกมาแถลงการณ์หลังจากที่เห็นเรื่องนี้ไปแล้วเท่านั้น อย่าปล่อยให้คนเห็นว่า พวกคุณเตรียมตัวไว้ล่วงหน้า ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็อาจเป็นการสร้างปัญหาให้พวกคุณเองโดยไม่จำเป็น”
เฟ่ยเข่อซินพยักหน้าอย่างจริงจังและกล่าวว่า “ตกลงคุณเย่ ฉันเข้าใจ!”
เย่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย เขาหันไปมองว่านพั่วจวินและกล่าวว่า “ได้แล้วพั่วจวิน ที่นี่ไม่มีเรื่องให้นายต้องกังวลแล้ว รีบทำเวลาพาคนออกไปจัดการซะ อย่าลืมว่าห้ามปล่อยให้สัตว์เดรัจฉานตัวไหนหนีรอดไปได้”
ว่านพั่วจวินเอ่ยปากออกมา “คุณเย่โปรดวางใจ! ผมจะจัดการเรื่องนี้ไม่ให้มีทางผิดพลาด!”
เมื่อพูดจบ ว่านพั่วจวินก็หันหลังกลับทันทีและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
คืนนี้ มีปีศาจจำนวนมากถูกลิขิตให้ไม่เห็นดวงอาทิตย์ในเช้าวันพรุ่งนี้
หลังจากที่ว่านพั่วจวินออกไป เย่เฉินก็มองไปที่คนตระกูลเฟ่ยและถามอย่างเย็นชาว่า “เรื่องนี้ผมจะให้คุณหนูเฟ่ยมีอำนาจในการจัดการ พวกคุณมีความเห็นอะไรหรือไม่?”
ฝูงชนส่ายหัวเพื่อบ่งบอกว่าไม่มีใครคัดค้าน
ในเวลานี้ พวกเขาไม่มีความคิดเห็นใดจริงๆ ท้ายที่สุดแล้วเรื่องนี้ใครก็ตามที่ออกหน้าก็ล้วนต้องเป็นเป้าหมายของการวิพากษ์วิจารณ์จากสาธารณะ ไม่มีใครอยากแบกรับกับเรื่องที่กินแรงแต่ไร้ค่าแบบนี้
อย่างไรก็ตาม เฟ่ยเจี้ยนจงและเฟ่ยซานไห่ ในใจกลับคาดเดาความหมายของเย่เฉินอยู่ตลอดเวลา
จนถึงตอนนี้ เย่เฉินก็ยังไม่ได้บอกว่าเขาต้องการให้เฟ่ยเข่อซินมาทำหน้าที่ผู้นำตระกูลเพื่อจัดการเรื่องราว
และจนกระทั่งตอนนี้ เฟ่ยซานไห่ก็ยังคงเป็นผู้นำตระกูลเฟ่ยโดยชอบธรรมอยู่
และตัวเขาเองก็ต้องการที่จะรักษาตำแหน่งที่ได้มาอย่างยากลำบากนี้เอาไว้ให้ได้อย่างเต็มกำลัง เพราะเขารู้ดีอย่างยิ่งว่า ขอแค่เขายังคงอยู่ในฐานะผู้นำตระกูลต่อไปได้ เฟ่ยเสวปิงลูกชายของเขาก็จะมีโอกาสรับช่วงต่อ
และในตอนนี้ สิ่งที่เขากังวลมากที่สุด ก็คือคุณท่านใหญ่เฟ่ยเจี้ยนจง
แม้ว่าเฟ่ยเจี้ยนจงจะไม่สามารถยึดตำแหน่งผู้นำตระกูลได้โดยตรง แต่เขาก็ยังเป็นเจ้าของทรัพย์สินส่วนใหญ่ของตระกูลเฟ่ย หากเขาต้องการแบ่งทรัพย์สิน อย่างนั้นปริมาณทรัพย์สินของผู้นำตระกูลก็จะหดตัวไปอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม หดตัวไปก็ยังดีกว่าไม่เหลืออะไรเลย เฟ่ยซานไห่ไม่ต้องให้ตัวเองสุดท้ายแล้วต้องเหลือแค่ตะกร้าเปล่า
ดังนั้น สิ่งที่เฟ่ยซานไห่กลัวที่สุดก็คือ จู่ๆ เย่เฉินก็ข้ามเส้นไป ไม่อย่างนั้นหากเสียตำแหน่งผู้นำตระกูลไปตนก็จะเท่ากับสูญเสียทุกอย่าง
ในเวลานี้ เฟ่ยเจี้ยนจงก็ประหม่ามากเช่นกัน
แน่นอนว่าเขาย่อมหวังว่าตนจะสามารถยึดบัลลังก์คืนมาได้และโจมตีตอบโต้กลับไป
อย่างไรก็ตาม ถ้าเย่เฉินไม่เปิดปาก เขาก็ไม่มีความมั่นใจที่จะพูดแบบนี้จริงๆ