ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4214 เบิกถนนบนเขาสูง สร้างสะพานข้ามคงคา
คำพูดของเย่เฉินทำให้เฟ่ยเข่อซินตกใจ
ที่ผ่านมาเธออยู่บนทะเลมาตลอด ดังนั้นจึงไม่มีโอกาสได้ติดต่อกับพ่อแม่ของเธอ
ครั้งนี้ที่เธอกลับมา เธอก็ไม่ได้เจอพ่อแม่และพี่น้องของเธอในตระกูลเฟ่ย
ดังนั้นเธอจึงพอจะสรุปได้ว่า ลุงใหญ่ของเธอได้ขับไล่ครอบครัวของเธอออกจากตระกูลเฟ่ยไปแล้วหลังจากยึดอำนาจจากคุณปู่ไป
ในตระกูลใหญ่ สิ่งแรกที่ผู้นำคนใหม่ควรทำหลังจากเข้ารับตำแหน่งคือการกดขี่พี่น้องที่สามารถคุกคามตน หรือพี่น้องที่ตนไม่ชอบขี้หน้ามาตลอดได้ ในขณะเดียวกันก็จะปล่อยให้พี่น้องที่ภักดีหลายคนมาเป็นมือขวาของเขา หลังจากที่นั่งในตำแหน่งได้อย่างมั่นคงแล้ว เขาก็จะขับไล่พี่น้องที่ภักดีเหล่านี้ออกไป ด้วยวิธีนี้ โดยพื้นฐานแล้วถือเป็นการตัดภัยคุกคามออกไปจนหมด อีกทั้งพี่น้องที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลไปก็จะกลายมาเป็นญาติกัน
หากเฟ่ยเข่อซินไม่ได้เป็นผู้นำตระกูลนี้ ไม่ว่าใครจะเป็นผู้สืบทอด ครอบครัวของเฟ่ยเข่อซินก็ล้วนไม่สามารถกลับมาตระกูลเฟ่ยได้อีกแล้ว
พวกเขาได้แต่ต้องนำทรัพย์สินจำนวนเล็กน้อยมาตั้งธุรกิจของตนในภายนอก จากนั้นพวกเขาก็กลายเป็นญาติของตระกูลเฟ่ย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เธอก็กัดฟันทันทีและพูดกับเย่เฉินว่า “คุณเย่ ฉันยินดีที่จะเป็นผู้นำตระกูลเฟ่ย!”
เฟ่ยเข่อซินรู้ดีอย่างยิ่งว่า ผู้นำตระกูลเฟ่ยนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเป็น
ด้วยอายุ ประสบการณ์ และทรัพยากรด้านเครือข่ายของตน เกรงว่าหากคิดจะนั่งในตำแหน่งนี้อย่างมั่นคงคงต้องเจอกับปัญหามากมาย
แต่เธอก็รู้แน่ชัดเช่นกันว่า ตอนนี้เธอไม่มีทางอื่นอีกนอกจากต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบาก
แม้ว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้ไปจะยังไม่รู้แน่ชัด แต่ในความเห็นของเธอ มันก็แค่เป็นการเบิกถนนบนเขาสูง สร้างสะพานกลางคงคาก็เท่านั้นเอง
แม้ว่ามันจะมีความยากลำบากอย่างยิ่ง แต่ก็ยังคงมีความหวังอยู่
เมื่อเย่เฉินการแสดงออกของเฟ่ยเข่อซิน เขาก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจและมองไปที่เฟ่ยซานไห่ ก่อนจะพูดว่า “ตอนนี้คุณยังเป็นผู้นำของตระกูลเฟ่ย ดังนั้นยังต้องลำบากคุณจัดการเรื่องให้เสร็จสิ้น เรื่องนี้คุณเองก็รู้ดี ว่ามันจะต้องถูกต้องตามกฎหมาย”
“ครับ คุณเย่ ผมจะร่วมมืออย่างสุดกำลัง!” แม้ว่าในใจของเฟ่ยซานไห่จะไม่เต็มใจยอมแพ้ แต่เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรมากในขณะนี้และได้แต่ต้องรับปากไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในใจของเขารู้ดีว่า ตอนนี้ตนเองไม่มีสิทธิ์เลือกหรือปฏิเสธ เพราะไพ่ที่เย่เฉินนำออกมานั้นไม่ได้เดินไปตามปกติเลยแม้แต่น้อย เขานำสำนักว่านหลงบุกเข้ามาฆ่าหลานชายของเขาโดยตรง แถมยังยิงหลานชายของเขาต่อหน้าเขาด้วยซ้ำ ในสถานการณ์แบบนี้ถ้าไปทำให้เขาโกรธ บางทีเขาอาจจะหยิบปืนขึ้นมาและเติมลูกกระสุนเข้าในหัวของเขาก็ได้
ในสถานการณ์แบบนี้ แม้ว่าเขาจะยังเป็นผู้นำตระกูลเฟ่ย แต่ก็ยังไม่มีโอกาสที่จะได้พลิกกลับแล้ว
งานเร่งด่วนที่อยู่ในมือของเขาก็คือการรีบสละตำแหน่งและสร้างความประทับใจที่ดีต่อเย่เฉิน เพื่อที่ตนจะสามารถแสวงหาผลประโยชน์ได้บ้างในอนาคต
จากนั้น เย่เฉินก็มองไปที่เฟ่ยเจี้ยนจงและเอ่ยเสียงเรียบว่า “คุณท่านเฟ่ย แม้ว่าผู้นำตระกูลเฟ่ยคือเฟ่ยซานไห่ แต่ทรัพย์สินส่วนใหญ่ของตระกูลเฟ่ยน่าจะอยู่ภายใต้ชื่อของคุณ?”
เฟ่ยซานไห่รีบก้าวไปข้างหน้าและกล่าวด้วยความเคารพ “คุณเย่ ทรัพย์สินส่วนใหญ่ของตระกูลเฟ่ยอยู่ภายใต้ชื่อของผมจริงๆ…”
เย่เฉินพยักหน้าและเอ่ยปาก “บอกตามตรง คุณเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ถ้าคุณอยากมีชีวิตยืนยาวจริงๆ คุณควรเก็บความโลภในใจไปบ้าง ผมขอแนะนำให้คุณมอบอำนาจในการดูแลทรัพย์สินทั้งหมดของคุณให้คุณหนูเฟ่ยจะดีเสียกว่า ในเมื่อให้เธอเป็นผู้นำตระกูลแล้ว อย่างนั้นก็ควรมอบทุกอย่างกับให้เธอ การที่ให้แค่ตำแหน่งผู้นำกับเธอ แต่การควบคุมทรัพย์สินกลับอยู่ในมือของคุณ สำหรับเธอแล้วนี่ถือเป็นข้อจำกัดข้อใหญ่ เป็นการดีกว่าที่จะปล่อยให้เธอควบรวมศูนย์อำนาจและใช้ประโยชน์ทรัพยากรของตระกูลเฟ่ยได้อย่างเต็มที่ คุณคิดว่าอย่างไร?”
เฟ่ยเจี้ยนจงไหนเลยจะกล้าคัดค้าน
แม้ว่าเขารู้สึกอึดอัดและไม่เต็มใจอยู่บ้างในเวลานี้ แต่ตอนนี้เขาก็คิดตกแล้วจริงๆ
เขารู้สึกว่า “ผมอยู่มาได้ถึงวันนี้และกลับมาอเมริกาทั้งเป็นได้ นี่ถือเป็นอะไรที่เกินการคาดหวังของผมไปแล้ว ในเวลานี้ การควบคุมทรัพย์สินไปก็ไม่มีความหมายอะไรอีก มันจะดีกว่าถ้ามอบมันให้เข่อซิน และถือเป็นการส่งเธอขึ้นหลังม้า…”