ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4218 คุณไม่ต้องเกรงใจกับผม
ในความเห็นของเย่เฉิน เงื่อนไขแรกสำหรับความเจริญรุ่งเรืองของตระกูลหนึ่ง จะต้องเกิดจากความสามัคคีภายใน
ข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของความสามัคคีคือสามารถหลีกเลี่ยงความขัดแย้งภายในได้ และใช้พลังงานทั้งหมดของตระกูลนี้เพื่อวัตถุประสงค์ที่เป็นประโยชน์
ด้วยวิธีนี้ แม้ว่าตระกูลนั้นจะเป็นเพียงชาวนายากจนที่หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน แต่ตระกูลนี้ก็จะต้องมีแนวโน้มเจริญยิ่งขึ้นไปอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม หากมีความแตกแยกและการเผชิญหน้ากันภายในตระกูล อย่างนั้นพลังงานส่วนใหญ่ก็จะถูกเผาผลาญไปกับการต่อสู้ภายใน
แบบนี้ คนในตระกูลนี้จะไม่เพียงมีพลังงานไม่เพียงพอที่จะทำงานที่มีประโยชน์ แต่ยังต้องตกอยู่ในห้วงเหวอันเนื่องมาจากความขัดแย้งภายในอย่างต่อเนื่อง
หากพลังงานส่วนมากใช้ไปภายใน ต่อให้ตระกูลนั้นมีทรัพย์สินหลายล้านล้าน ก็ต้องถูกใช้หมดลงในสักวัน
ดังนั้น เย่เฉินจึงเตือนเฟ่ยเข่อซินว่าเธอต้องจับตาดูคนตระกูลเฟ่ย และตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกเขาจะก้าวตามเธอไป และหากพบปัญหา เธอจะต้องไม่ใจอ่อนและจัดการฆ่าทิ้งโดยเร็วที่สุด
เฟ่ยเข่อซินย่อมเข้าใจความหมายของเย่เฉินและพยักหน้าติดๆ “คุณเย่โปรดวางใจ ฉันจะต้องใส่ใจให้มากแน่”
เมื่อเย่เฉินเห็นว่า เฟ่ยเข่อซินดูกังวลอยู่ไม่มากก็น้อย เขาก็มองเธออย่างให้กำลังใจและพูดอย่างจริงจัง “รอให้คุณจัดการเรื่องของเฟ่ยฮ่าวหยางแล้ว ตระกูลเฟ่ยจะต้องเข้าสู่ช่วงตกต่ำอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนเพราะเรื่องนี้แน่ แต่ผมเชื่อว่า ความสามารถของคุณจะนำพาตระกูลเฟ่ยให้หลุดพ้นจากความตกต่ำนี้ได้อย่างแน่นอน”
เฟ่ยเข่อซินกล่าวขอบคุณเขาด้วยความซาบซึ้ง “ขอบคุณสำหรับกำลังใจจากคุณเย่ ฉันจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อให้ตระกูลเฟ่ยผ่านวิกฤตินี้ไปโดยเร็วที่สุด”
ขณะที่พูด เธอก็หยุดชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็จ้องไปที่เย่เฉินด้วยดวงตาที่ร้อนแรงและโพล่งออกมา “หากวันหน้าคุณเย่มีเรื่องอะไรให้ตระกูลเฟ่ยทำขอแค่เอ่ยปาก คนในตระกูลเย่ทั้งหมด ไม่มีทางปฏิเสธ!”
เย่เฉินพยักหน้าและพูดว่า “ถ้าจำเป็น ผมก็จะไม่เกรงใจกับคุณแน่”
หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่หยวนจื่อซูซึ่งอยู่ข้างๆคุณท่านใหญ่และกล่าวว่า “ในบรรดาผู้เก่งกาจวิชาบู๊ คุณเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุด จากนี้ไปให้คุณเป็นผู้ปกป้องความปลอดภัยของคุณหนูเฟ่ย”
หยวนจื่อซูรีบพูดด้วยความเคารพ “คุณเย่…แต่เดิมผมควรกลับสำนักไปรายงานผลแล้ว จากนี้ไปความปลอดภัยของตระกูลเฟ่ยจะอยู่ในความดูแลของน้องชายของผมจางชวน”
เย่เฉินขมวดคิ้วและพูดว่า “จางชวน? คงไม่ใช่นักบู๊ห้าดาวนั่นหรอกนะ?”
หยวนจื่อซูรีบถาม “คุณเย่พบกับศิษย์น้องจางแล้วหรือ?” ”
เย่เฉินเยาะเย้ย “ถ้าไม่มีอะไรเกิดคาด เขาก็น่าจะกำลังคุกเข่าอยู่ในร้านอาหาร”
หลังจากนั้นเขามองไปที่เฟ่ยเสวปิงและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ไปเรียกจางชวนมา”
เฟ่ยเสวปิงไม่กล้าปฏิเสธและรีบพูดว่า “คุณเย่รอสักครู่ ผมจะไปเรียกเดี๋ยวนี้ … ”
ในไม่ช้า เฟ่ยเสวปิงก็เข้ามาพร้อมกับจางชวนผู้ซึ่งขาอ่อนไม่หยุด
ในเวลานี้ เป้ากางเกงของจางชวน มีคราบสีขาวขนาดใหญ่ระหว่างขาของเขา อีกทั้งยังส่งกลิ่นเหม็นกระจายจนผู้คนสามารถเดาได้ว่านี่คือคราบสารอัลคาไลในปัสสาวะที่เกิดขึ้นหลังจากที่เขาฉี่รดกางเกงของตัวเอง
ทันทีที่จางชวนเห็นเย่เฉิน เขาก็คุกเข่าลงที่พื้นอย่างควบคุมไม่อยู่และสะอื้นไห้ “คุณเย่…ผมคุกเข่าอยู่ในร้านอาหารตามคำสั่งของคุณมาตลอด ไม่ได้ลุกขึ้นเลย ได้โปรดคุณเห็นแก่ความจงรักภักดีของผม ช่วยฟื้นฟูพลังให้ผมเถอะ…”
ขณะที่เขาพูดเขาก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมาดังลั่น
พลังวิชาหลายสิบปีสลายไปในพริบตา สำหรับจางชวนแล้วการโจมตีแบบนี้เรียกได้ว่าเป็นภัยพิบัติทำลายล้าง
ดังนั้น ขอแค่ได้พลังวิชาของตนเองกลับมา เขายินดีที่จะทำทุกอย่าง
หยวนจื่อซูไม่คาดคิดเลยว่าแค่เพียงครึ่งเดือนที่ไม่ได้เจอกัน ศิษย์น้องที่จิตใจฮึกเหินของเขาจะกลายมามีสภาพเป็นแบบนี้
และเขาก็ต้องตะลึงทันทีที่พบว่าในเวลานี้บนตัวของจางชวนไม่มีร่องรอยพลังวิชาอีกต่อไป และดูเหมือนจะกลายเป็นเพียงคนธรรมดา เขาตกใจจนต้องโพล่งออกมา “ศิษย์น้องจาง นายเป็นอะไรไป?!”