ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4225 ความเข้าใจกันจงเจริญ
พูดถึงตรงนี้ เขาก็กลัวว่าเฟ่ยเข่อซินจะโกรธและรีบเอ่ยด้วยสีหน้าขอโทษว่า “ขอโทษนะเยข่อซิน…ลุงเองก็เลอะเลือนไปชั่วคราว เธออย่าได้ถือสาอะไรกับฉันเลยนะ… ”
เฟ่ยเข่อซินคาดเดาแรงจูงใจของเขาที่ทำแบบนี้ได้ตั้งนานแล้ว ดังนั้นเหตุผลที่เธอถามเขาไปโดยเจตนาก็เพื่อย้ำเตือนเขาขึ้นมาสักหน่อย เมื่อเห็นว่าเขามีท่าทียอมรับผิดไม่เลว เฟ่ยเข่อซินก็เอ่ยปากพูดว่า “ลุงใหญ่ โบราณเอ่ยไว้ว่า ใต้หล้าล้วนใฝ่หาผลประโยชน์ ผู้คนแสวงหาผลกำไร แม้ว่าการกระทำของคุณจะไม่สมควรอย่างมากและถึงขั้นผิดศีลธรรม แต่ฉันก็สามารถเข้าใจได้ในระดับหนึ่ง”
“ใช่ใช่ใช่…” เฟ่ยซานไห่กล่าวด้วยรอยยิ้มขอโทษ “ขอบคุณเธอมากเข่อซิน… ความเข้าใจกันจงเจริญ…. ความเข้าใจกันจงเจริญ…”
เฟ่ยเข่อซินพูดอย่างใจเย็นว่า “ลุงใหญ่ เรื่องนี้ฉันจะไม่ตามเอาความก็ได้ แต่คุณจะต้องไปที่ไมแอมีในคืนนี้ทันทีและขอโทษพ่อมี่รวมถึงครอบครัวของฉันด้วยตัวเอง จากนั้นก็ไปรับพวกเขากลับมา”
“ตกลง!” เฟ่ยซานไห่ไม่คาดคิดว่าเฟ่ยเข่อซินจะใจกว้างและหาทางออกให้ตนเองแบบนี้ ในใจของเขาตื่นเต้นมากจนแทบไม่ต้องคิดว่า “อย่างนั้นฉันจะไปเตรียมตัวเตรียมตัวและบินไปไมแอมี!”
ขณะที่พูดนั้นเองจู่ๆก็มีทหารของสำนักหมื่นมังกรคนหนึ่งวิ่งเข้ามาและพูดกับเฟ่ยเข่อซินว่า “คุณหนูเฟ่ย นอกประตูใหญ่มีรถตำรวจอยู่หลายคัน บอกว่านักสืบหลี่ญ่าหลินต้องการพบเฟ่ยซานไห่”
“หลี่ญ่าหลิน?” เฟ่ยเข่อซินขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “เขาเป็นนักสืบชาวจีนไม่ใช่หรือไง?”
พูดจบ เธอหันไปหาเฟ่ยซานไห่และถามว่า “คุณลุงใหญ่ คุณรู้สึกกับหลี่ญ่าหลินงั้นหรือ? หรือว่าเขากำลังสืบสวนคดีของเฟ่ย ฮ่าวหยาง?”
เฟ่ยซานไห่รีบพูดว่า “เข่อซินเธอคงไม่รู้ ก่อนที่เธอจะกลับมา คุณเย่ได้ลักพาตัวฮ่าวหยางแล้วตัดหูสองข้างเขาทิ้ง จากนั้นเขาก็เปิดเผยเบาะแสและเรียกค่าไถ่เป็นเงินดิจิทัล 2 แสนล้านดอลลาร์อย่างเปิดเผย พี่ชายคนโตของเธอไปติดต่อพวกเขา แล้วยังถูกพวกเขาใช้โอกาสนี้ใกระจายเรื่องบนอินเทอร์เน็ต จนคนทั้งโลกรู้เกี่ยวกับการลักพาตัวของฮ่าวหยาง..อีกทั้งคดีนี้อยู่ในความดูแลของหลี่ญ่าหลิน เขาก็ไม่สามารถหาเบาะแสอะไรได้เลยและร้อนใจเหมือนกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่งแล้ว แต่ฉันไม่ได้สนใจเขา ไม่รู้ว่าตอนนี้มาหาอีกทำไม”
หลังจากได้ยินคำบอกเล่านี้ เฟ่ยเข่อซินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ดูเหมือนว่าคุณเย่วางแผนมาเป็นเวลานานแล้ว เขาอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ทั้งหมดก็เพราะแค่ต้องการทำให้ชื่อเสียงของตระกูลเฟ่ยได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงหลังจากเหตุการณ์ถูกเปิดเผย…”
เฟ่ยซานไห่รีบกล่าวว่า “เข่อซิน หลี่ญ่าหลินคนนี้ไม่ใช่ตะเกียงขาดน้ำมัน เธอสิ่งใครไปไล่พวกเขากลับไปก่อนดีไหม?”
เฟ่ยเข่อซินส่ายหัวและพูดว่า “ไล่ไปได้แค่ครั้งหนึ่ง ใช่ว่าจะทำไปได้ตลอด ให้พวกเขาเข้ามาเถอะ ฉันจะไปพบเขาสักหน่อย”
เมื่อทหารของสำนักว่านหลงได้ยินแบบนี้ก็กล่าวด้วยความเคารพทันทีว่า “รับทราบคุณหนูเฟ่ย”
ในเวลานี้ เฟ่ยเข่อซินพูดกับเฟ่ยเจี้ยนจงและเฟ่ยซานไห่ว่า “คุณปู่ คุณลุงใหญ่ รบกวนพวกคุณไปพบกับนักสืบหลี่กับฉันหน่อยนะคะ ส่วนคนอื่นก็กลับไปพักผ่อนเถอะ”
เฟ่ยเจี้ยนจงและเฟ่ยซานไห่ย่อมไม่มีความเห็นอะไร ในขณะที่คนอื่นๆ ต่างก็รีบหลบฉากออกไปก่อนกันหมด
เฟ่ยซานไห่โทรหาเฟ่ยเสวปิงลูกชายของเขาและกล่าวว่า “เสวปิง นายไปจัดการเตรียมเครื่องบิน หลังจากที่ฉันพบกับนักสืบหลี่แล้ว พวกเราจะไปไมอามีด้วยกัน”
เฟ่ยเสวปิงรีบพูดว่า “ตกลงพ่อฉันจะจัดการให้เดี๋ยวนี้”
ไม่กี่นาทีต่อมา รถตำรวจหลายคันก็ขับเข้าไปในวิลล่าตระกูลเฟ่ยจากหน้าประตูใหญ่
รถเหล่านี้มาจนถึงด้านหน้าของวิลล่าหลักและเข้าไปในห้องโถงรับรองภายใต้การนำของทหารสำนักว่านหลงคนหนึ่ง
ทันทีที่เขาเข้าไปในห้องโถง หลี่ญ่าหลินก็มองไปที่เฟ่ยซานไห่และโพล่งออกมา “คุณเฟ่ย เหลือเวลาเพียง 48 ชั่วโมงจากการลักพาตัว ทางคุณพอมีเบาะแสอะไรที่จะประสานกับผมได้บ้างไหม?!”
ทันทีที่เขาพูดจบ จู่ๆหลี่ญ่าหลินก็เห็นเฟ่ยเจี้ยนจงที่นั่งถัดจากเฟ่ยซานไห่ แต่ตอนนี้เฟ่ยเจี้ยนจงดูอ่อนกว่าวัยกว่าครั้งสุดท้ายที่ตนเองเคยเจอไปอยู่บ้าง ดังนั้นเขาจึงจำไม่ได้ในทันที
เมื่อเขาจำเฟ่ยเจี้ยนจงขึ้นมาได้ เขาก็ตกตะลึงและโพล่งออกมา “คุณเฟ่ย… คุณเฟ่ย! คุณ…คุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?!