ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4229 เกิดเรื่องผิดปกติย่อมต้องมีคนอยู่เบื้องหลัง
หลี่ญ่าหลินพูดอย่างเย็นชาว่า “พวกเขาคงไม่โง่ขนาดนั้น พวกเขามองหาเหยื่อจากนิวยอร์ก ในความเห็นของฉัน เด็กผู้หญิงส่วนใหญ่ที่พวกเขาฆ่านั้นน่าจะถูกส่งมาอย่างลับๆ จากชายฝั่งตะวันตก หรืออาจจะถึงกระทั่งถูกลักพาตัวมาจากต่างประเทศ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลี่ญ่าหลินก็นึกอะไรบางอย่างได้และโพล่งออกมา “ฉันเข้าใจแล้ว! เหตุผลที่พวกเขาสามารถก่ออาชญากรรมได้ยาวนานและหลายครั้งขนาดนี้โดยไม่มีใครค้นพบก็เพราะพวกเขาไม่เคยเริ่มลงมือจากที่ใกล้ตัว แต่คราวนี้เฟ่ยฮ่าวหยางได้ทำผิดพลาดร้ายแรง…”
ลูกน้องรีบถาม “หัวหน้า ทำอะไรผิดพลาดร้ายแรงงั้นหรือ?”
หลี่ญ่าหลินโพล่งออกมา “กู้ชิวอี๋!”
“กู้ชิวอี้?!” ลูกน้องอุทานออกมา “ดาราใหญ่คนนั้นน่ะหรือ?!”
“ถูกต้อง!” หลี่ญ่าหลินพยักหน้าและกล่าวว่า “ฉันมักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเรื่องการลักพาตัวของเฟ่ยฮ่าวหยางตั้งแต่ต้นจนจบ ตอนนี้ดูเหมือนว่า จะต้องเป็นเพราะเขามุ่งเป้าไปที่กู้ชิวอี๋ ก็เลยนำมาซึ่งความผิดร้ายแรงจนถึงตัวตาย!”
ลูกน้องของเขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “หัวหน้า ความหมายของคุณก็คือ…เรื่องนี้เป็นคนข้างกายของกู้ชิวอี๋ที่ลงมือ?”
หลี่ญ่าหลินขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “ในคืนที่เฟ่ยฮ่าวหยางหายตัวไป ฉันได้พบกับกู้ชิวอี๋ที่โรงแรมแมนชั่น ฉันรู้สึกว่าเด็กสาวคนหนึ่งอย่างเธอ ไม่เหมือนคนที่มีความสามารถเช่นนั้น… ”
พูดไป หลี่ญ่าหลินก็เอ่ยว่า “แม้ว่าสภาพครอบครัวของกู้ชิวอี๋นั้นจะดีมาก แต่เมื่อเทียบกับตระกูลเฟ่ย ก็ยังแย่กว่าไม่ใช่น้อยๆ …”
ลูกน้องของเขาพยักหน้าเบา ๆ และพูดว่า “ถ้าเป็นแบบนี้ อย่างนั้นนี่ก็ไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับเธอ เพราะเธอก็เป็นผู้มาใหม่ด้วย แม้ว่าเธอจะมีความแข็งแกร่งอยู่บ้างในหัวเซี่ย แต่เมื่อมาถึงนิวยอร์กก็ยังไม่ได้แสดงอะไรออกมา และเมื่ออยู่ต่อหน้าตระกูลเฟ่ยก็ย่อมไม่มีอะไรสู้หน้าได้มากพอ”
หลี่ญ่าหลินพยักหน้าเล็กน้อย แต่เขาจำได้โดยไม่รู้ตัวว่าเมื่อเห็นกู้ชิวอี๋ในวันนั้น ในบรรดาคนที่อยู่ข้างกายกู้ชิวอี๋ ในนั้นเขามีความประทับใจต่อคนหนุ่มผู้กล้าท้าทายเฟ่ยเสวปิง
เขาอดคิดไม่ได้ว่า “ชายหนุ่มคนนั้นเป็นใครกันแน่ หากเขารู้ตัวตนของเฟ่ยเสวปิง ทำไมเขายังกล้าหยาบคายใส่เฟ่ยเสวปิง? เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเขาด้วยรึเปล่า?”
แต่เมื่อลองคิดดูให้ละเอียด กลับมักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ “เขาก็เป็นแค่ชายหนุ่มคนหนึ่ง ต่อให้เขามีความกล้าหาญเป็นมากพิเศษ ก็ใช่ว่าจะมีความแข็งแกร่งขนาดนั้น ถ้าเขาต้องการลักพาตัวเฟ่ยฮ่าวหยางภายใต้จมูกของตระกูลเฟ่ย แถมยังสามารถวางแผนทุกอย่างได้อย่างไม่มีจุดบอด เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ความกล้าหาญก็เพียงพอ…นอกจากนี้ คุณท่านเฟ่ยและคุณหนูใหญ่จู่ๆก็กลับมาอย่างปลอดภัย ไม่เพียงแต่จะไม่ถูกคนของเฟ่ยซานไห่ฆ่าทิ้ง แต่จู่ๆเฟ่ยเข่อซินก็กลายเป็นผู้นำตระกูลคนใหม่อีกด้วย เรื่องนี้เองก็แปลกประหลาดอย่างยิ่ง… ”
หลี่ญ่าหลินรู้สึกขึ้นมาว่าสมองของเขาไม่เพียงพอให้ใช้อยู่บ้าง
เขารู้ว่า เรื่องพวกนี้ผิดปกติอย่างมาก อีกทั้งเรื่องที่ผิดปกติย่อมต้องมีคนอยู่เบื้องหลัง แต่ตนเองยังจับคนอยู่เบื้องหลังนั้นไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น ในตอนนี้ เขาก็ยังไม่สามารถหาเบาะแสที่เป็นประโยชน์ใดๆ ได้
ดังนั้นเขาจึงหันกลับมาและจ้องไปที่เฟ่ยซานไห่ ก่อนจะขมวดคิ้วและถามว่า “เฟ่ยซานไห่ ตระกูลเฟ่ยเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ผมไม่เห็นว่าคุณดูจะตกใจอะไรเลย คุณบอกผมมาเถอะ เรื่องพวกนี้ คุณรู้มาตั้งนานแล้วใช่ไหม?!”
เฟ่ยซานไห่ได้สติกลับมาและรีบโบกมืออย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า “นักสืบหลี่…ผมไม่เข้าใจว่าพวกคุณกำลังพูดถึงอะไร… หลานชายของผม… เขาไม่ใช่คนแบบนั้น…”
หลี่ญ่าหลินจ้องไปที่เฟ่ยซานไห่และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ได้! จนถึงตอนนี้ก็ยังแสดงละครอยู่! อเมริกาไม่เคยมีคดีเลวร้ายแบบนี้มานานหลายทศวรรษแล้ว เมื่อคดีนี้คลี่คลาย ชื่อเสียงของตระกูลเฟ่ยก็จะตกต่ำลง ถึงเวลานั้น คุณจะร้องไห้จนไร้น้ำตาแน่!”
เฟ่ยเข่อซินเดินออกมาข้างหน้าในเวลานี้และพูดอย่างจริงจังว่า “นักสืบหลี่ ในเมื่ออาชญากรรมเหล่านี้เกิดขึ้นโดยคนตระกูลเฟ่ย อย่างนั้นตระกูลเฟ่ยก็พร้อมที่จะรับผิดชอบด้วยเช่นกัน!”
หลี่ญ่าหลินพยักหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หวังว่าพวกคุณจะแบกรับมันไหว!”
พูดจบ เขาก็พูดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจรอบ ๆ ตัวเขาทันที “เรียกรวมทีมทันที! โทรเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดให้กลับไปที่สำนักงานเพื่อประชุมทันที!”