ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4230 การสนับสนุนที่มั่นคง
จนถึงตอนนี้ หลี่ญ่าหลินไม่มีเวลามาสนใจเรื่องการลักพาตัวเฟ่ยฮ่าวหยางแล้ว
หลังจากเกิดเรื่องอื้อฉาวครั้งใหญ่แบบนี้ นอกจากเรื่องที่คนอเมริกันจะโกรธตระกูลเฟ่ยแล้ว มันยังทำให้คนอเมริกันผิดหวังต่อระบบบังคับใช้กฎหมายของอเมริกาทั้งหมดด้วย
นั่นเพราะ หญิงสาวไร้เดียงสาจำนวนมากต้องเสียชีวิตลงอย่างผิดปกติ แต่ตำรวจกลับไม่ได้ไขคดีนี้ แถมที่เรื่องแดงขึ้นมา กลับเป็นเพราะผู้ลักพาตัวที่ทุกคนเกลียดชังมาก่อน
เพียงพริบตา ผู้ลักพาตัวก็กลายเป็นวีรบุรุษที่โลกชื่นชมในทันที และเฟ่ยฮ่าวหยางที่แต่เดิมผู้คนล้วนเห็นอกเห็นใจอย่างสุดซึ้ง พริบตาก็กลายมาเป็นเป้าหมายให้คนถ่มน้ำลายและสาปแช่งไปทั่วโลก
แถมชื่อเสียงที่เสื่อมถอยลงไปอย่างรุนแรง นอกจากตระกูลเฟ่ยแล้วก็ยังมีตำรวจนิวยอร์กที่พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย ก
ดังนั้น หลี่ญ่าหลินจึงต้องศึกษาสถานการณ์ปัจจุบันกับผู้นำและเพื่อนร่วมงานของเขาก่อน และพยายามคิดหาวิธีรักษาหน้าตาของตำรวจนิวยอร์กเอาไว้สักหน่อย
ระหว่างทางกลับสถานีตำรวจ ในใจของหลี่ญ่าหลินงหงุดหงิดอย่างมาก เมื่อคิดถึงเบาะแสจำนวนมากที่มักจะไม่ชัดเจน ก็ตัดสินใจโทรหาเพื่อนซี้ของเขาอย่างอานโฉงชิว
สำหรับหลี่ญ่าหลิน แล้วอานโฉงชิวไม่ใช่แค่พี่ชายที่ดีของเขามานานหลายปี แต่ยังเป็นครูและเพื่อนที่ดีอีกด้วย
ตนเป็นคนอารมณ์ร้อน ในขณะที่อานโฉงชิวนั้นอ่อนโยนกว่ามาก ดังนั้นทั้งสองจึงไม่เพียงแต่พูดคุยและเข้ากันได้ แต่ยังช่วยพัฒนาความคิดของกันและกันอีกด้วย
ในการสนทนาครั้งก่อน ทั้งสองคนคาดเดาว่ามีคนต้องการลงโทษตระกูลเฟ่ยต่อหน้าสาธารณะ พริบตาตอนนี้ก็ได้กลายเป็นจริงไปแล้ว ดังนั้นหลี่ญ่าหลินจึงต้องการพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้กับอานโฉงชิว เพื่อดูว่าเขามีความคิดที่แตกต่างออกไปหรือไม่
อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกว่าตอนนี้ดึกมากแล้ว โทรไปตอนนี้ก็ดูออกจะเสียมารยาทไม่มากก็น้อย ขนาดไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าคุณท่านใหญ่ตระกูลอานจะรอดชีวิตหรือไม่ การโทรหาในเวลานี้ก็ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ดังนั้นเขาจึงวางโทรศัพท์มือถือลงอีกครั้ง
แต่เขากลับไม่รู้ว่า ตอนนี้คนในตระกูลอาน กำลังล้อมรอบคุยกันอยู่กับกู้ชิวอี๋
นายหญิงใหญ่จับมือของกู้ชิวอี๋เอาไว้ไม่ยอมปล่อยตลอดทั้งคืน น้าเล็กของเย่เฉินและป้าสะใภ้อีกหลายคนก็มารวมตัวกันรอบๆ กู้ชิวอี๋ ยิ่งดูก็ยิ่งชอบเธอ
กู้ชิวอี๋เองก็ได้รับความเอ็นดูจนตกใจอยู่บเง เธอถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนมากมาย อีกทั้งยังได้รับของขวัญมาเยอะแยะอย่างสับสน ซึ่งทั้งหมดนั้นแต่ละอันล้วนมีค่าล้ำเมือง
ในใจของเธอรู้ชัดเจนอย่างยิ่งว่า ที่คนตระกูลอานให้ความสำคัญกับตัวเองมากขนาดนี้ ด้านหนึ่งก็เพราะพวกเขาช่วยชีวิตคุณท่านใหญ่เอาไว้ด้วยยาช่วยหัวใจที่เย่เฉินมอบให้ และอีกด้านหนึ่งก็เพราะตนเป็นคู่หมั้นของเย่เฉิน ตระกูลอานคิดถึงเย่เฉินเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงแบ่งปันความรักใคร่จริงใจนี้มาให้กับตนไปด้วย
สิ่งนี้ก็ทำให้เธอมีความสุขมากเช่นกัน ในความเห็นของเธอ คนในตระกูลอานจะให้การสนับสนุนตนอย่างมั่นคงในอนาคต เมื่อข้อตกลงสามปีมาถึง ถ้าเย่เฉินกล้าที่จะกลับคำ เกรงว่าคนในตระกูลอานคงไม่เห็นด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นว่าเป็นเวลาดึกแล้ว กู้ชิวอี้ก็เป็นห่วงสุขภาพของนายหญิงใหญ่อยู่บ้าง บวกกับเธอยังต้องเตรียมการขั้นสุดท้ายสำหรับการแสดงในเช้าวันพรุ่งนี้ ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถเสียเวลาต่อไปได้ และเอ่ยปากว่า “คุณยาย…สายมากแล้วจริงๆ คุณคงจะเหนื่อยมากแล้ว คุณรีบกลับห้องไปพักผ่อนเถอะค่ะ ถ้าดึกไปกว่านี้หนูเองก็เกรงใจไม่กล้าจะรบกวนคุณยายต่อแล้ว…”
นายหญิงใหญ่รีบพูดว่า “ไม่เป็นไรไม่เป็นไร ยายไม่เหนื่อยเลยสักนิด หลายปีมานี้ ความกังวลที่ใหญ่ที่สุดของยายคือการหาหลานชายคนโตไม่เจอ และเกรงว่าจะไม่มีโอกาสได้เจอเขาแล้วตลอดชีวิต แต่ในเมื่อหนูมาที่นี่ได้ในวันนี้ ความกังวลของยายเองก็หายไปแล้วครึ่งหนึ่ง ในใจของยายก็มีความสุขเหลือเกิน…”
กู้ชิวอี๋พยักหน้าและพูดอย่างจริงจัง “คุณยาย ไม่ต้องห่วง ถ้าหนูมีเวลาหนูจะต้องมาหาคุณและคุณตาบ่อยๆแน่นอน!”
พูดไป เธอก็เอ่ยต่อด้วยความเกรงใจว่า “คุณยาย วันนี้ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้หนูยังต้องไปซ้อมการแสดงครั้งสุดท้ายแต่เช้าตรู่ สมควรจะต้องบินกลับนิวยอร์กแล้วและนอนหลับเอาระหว่างทาง พอถึงก็น่าจะใกล้รุ่งสางพอดี”
ในเวลานี้นายหญิงใหญ่ถึงค่อยตระหนักว่าที่แท้กู้ชิวอี๋ยังมีธุระที่ต้องทำ ดังนั้นเธอจึงรีบพูดว่า “โอ้ เป็นยายที่ละเลยไป ไม่คิเว่าหนูจะยังมีธุระอย่างอื่น…”