ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4231 เหมือนกับฝันไป
ว่าแล้ว เธอก็รีบเอ่ยพูดกับอานโฉงชิวลูกชายคนโต : “โฉงชิว แกไปจัดการเรื่องเครื่องบิน ฉันกับโยวโยวไปนครนิวยอร์กด้วยกันกับหนานหนาน รอหนานหนานแสดงคอนเสิร์ต พวกเราไปเป็นกำลังใจให้เธอที่งาน”
อานโฉงชิวพยักหน้าลงพลางเอ่ยขึ้น : “ถ้าอย่างนั้นผมไปจัดการเลยแล้วกัน”
กู้ชิวอี๋ได้ยินคำพูดนี้แล้ว ก็กระวนกระวายใจขึ้นมาทันที
เธอไม่กล้าให้นายหญิงใหญ่และน้าสาวของเย่เฉินไปดูตัวเองในงานคอนเสิร์ตด้วยกัน เพราะถึงอย่างไรเย่เฉินกับเซียวชูหรันก็นัดเอาไว้แล้วว่าจะกลับไปให้กำลังใจเธอ ถ้าหากพวกนายหญิงใหญ่ไปด้วยเหมือนกัน เห็นเย่เฉินจะต้องจำเขาได้อย่างแน่นอน
ถึงแม้ว่ากู้ชิวอี๋หวังเป็นอย่างมากที่จะให้เย่เฉินสามารถวางความรู้สึกไม่พอใจที่อยู่ในใจลงได้ มาพบกับครอบครัวคุณยาย แต่เธอเองก็เคารพในสิ่งที่เย่เฉินเลือกเองด้วยเช่นกัน ในเมื่อตอนนี้เย่เฉินยังไม่ได้เตรียมตัวให้ดี เช่นนั้นแล้วตัวเองก็ไม่ควรไปเร่งเป็นตัวประสานส่งเสริมเรื่องนี้
มิเช่นนั้น เย่เฉินจะต้องรู้สึกไม่สบายใจอย่างแน่นอน
เธอจึงรีบออกปากเอ่ยพูดขึ้นมา : “คุณยายคะ คุณยายไม่ต้องทรมานขนาดนี้หรอกค่ะ คอนเสิร์ตของหนูไม่ได้มีเพียงแค่ที่นครนิวยอร์กรอบเดียว อีกสองสามวันก็มาทัวร์ที่ลอสแอนเจลิสแล้ว ถึงตอนนั้นคุณยายก็สามารถให้กำลังใจหนูอยู่ตรงประตูบ้านได้เลยนะคะ”
พูดไปแล้วเธอก็หยุดชะงักไปเล็กน้อย พลางเอ่ยขึ้นต่อ : “แล้วอีกอย่าง ร่างกายของคุณตาถึงแม้ว่าจะฟื้นฟูแล้ว แต่อาการอื่นๆก็ยังไม่ได้ผ่อนคลายลง เวลาสำคัญแบบนี้อยู่ดูแลท่านดีกว่านะคะ”
น้าสาวของเย่เฉินอานโยวโยวเองก็ออกปากเอ่ยขึ้นด้วยเช่นกัน : “ใช่ค่ะแม่ ความจำของพ่อก็ยังไม่ได้ฟื้นคืนสภาพด้วย แม่อยู่เป็นเพื่อนพ่อจะดีกว่านะคะ คอนเสิร์ตของหนานหนานในทวีปอเมริกาเหนือยังมีอีกต้องหลายรอบ พวกเรารอตอนที่เธอมาที่ลอสแอนเจลิสแล้วค่อยไปให้กำลังใจที่นั่นก็ได้ค่ะ ถึงตอนนั้นทุกคนจัดการเรื่องเวลากันก่อนล่วงหน้า ก็สามารถไปด้วยกันได้แล้ว ถ้าหากสภาพของพ่อดีขึ้นแล้ว แม้แต่พ่อก็สามารถไปดูด้วยกันก็ได้นะคะ แม่จะต้องไปทรมานไปนิวยอร์กดึกดื่นแบบนั้นทำไม”
นายหญิงใหญ่ลังเลอยู่พักหนึ่ง ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
ในใจของเธอถูกลูกสาวพูดจนยินยอมไปแล้ว แต่ยังอดที่จะดึงมือของกู้ชิวอี๋เอาไว้ไม่ได้ เอ่ยพูดขึ้นด้วยเสียงสะอึกสะอื้น : “หนานหนาน….ยายทำใจให้เธอไปไม่ได้เลย…..วันนี้จู่ๆเธอสามารถปรากฏตัวขึ้นมาได้ ในใจของยายดีใจมากจริงๆ อยากจะรั้งให้เธออยู่ด้วยกันอีกซักสามสี่วัน ไม่อย่างนั้นเธอไปเร็วแบบนี้ ยายยังรู้สึกว่าทั้งหมดนี่เหมือนกับเป็นความฝันอยู่เลย…..”
กู้ชิวอี๋รีบเอ่ยขึ้น : “คุณยายวางใจได้เลยค่ะ รอหลังจากที่หนูเสร็จจากคอนเสิร์ตอำลาช่วงนี้ก่อน ก็จะออกมาจากวงการบันเทิงโดยสิ้นเชิงแล้ว ถึงตอนนั้นก็จะมีเวลามาอยู่เป็นเพื่อนคุณยายแล้วนะคะ!”
ว่าแล้วเธอก็รีบเอ่ยพูดเสริมขึ้นอีกครั้ง : “ไม่แน่ว่าในไม่ช้านี้ก็สามารถหาพี่เย่เฉินเจอแล้ว ถึงตอนนั้นพวกเราสองคนก็จะกลับมาอยู่เป็นเพื่อนคุณยายที่ลอสแอนเจลิสก็ได้นะคะ!”
นายหญิงใหญ่ได้ยินคำพูดนี้แล้ว น้ำตาก็ไหลรินลงมาอีกครั้ง เธอจับมือของกู้ชิวอี๋เอาไว้ พลางเอ่ยพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง : “ดีๆๆ! ยายเชื่อนะ ว่าพวกเราจะต้องหาตัวเฉินเอ๋อกลับมาได้แน่ๆ! ยายยังรอเห็นพวกเธอสองคนแต่งงานกันอยู่นะ รอวันที่ยายจะได้อุ้มหลาน! ถึงตอนนั้นพวกเธอจะต้องมาตั้งถิ่นฐานที่ลอสแอนเจลิสนะ มาอยู่เป็นเพื่อนยาย……”
กู้ชิวอี๋พยักหน้าลงอย่างจริงจังพลางตั้งใจเอ่ยพูดขึ้นมา : “คุณยายวางใจได้เลยนะคะ ถึงตอนนั้นพวกเราจะต้องมาอยู่กับคุณยายอย่างแน่นอนค่ะ!”
นายหญิงใหญ่พยักหน้าลงติดๆกันด้วยความปลื้มใจ ยื่นมือมาเช็ดน้ำตา พลางเอ่ยขึ้น : “เป็นเด็กที่ดีมาก ในเมื่อวันพรุ่งนี้เธอมีธุระ ยายก็ไม่รั้งเธอไว้แล้วล่ะ เพียงแค่เธอช่วยชีวิตคุณตาเธอไว้ พวกเราก็ยังไม่ทันได้ขอบคุณเธอให้ดีๆเลย ในใจนี้รู้สึกเกรงใจมากจริงๆ อีกทั้งเธอยังเป็นหลานสะใภ้ของฉันในอนาคตอีก มาตั้งไกลขนาดนี้ ก็ไม่ได้อยู่พักที่บ้านซักคืนเลย…..”
กู้ชิวอี๋รีบเอ่ยพูดขึ้น : “คุณยายคะ คุณยายพูดมาแล้วว่าหนูเป็นว่าทีหลานสะใภ้ในอนาคตของคุณยาย แล้วยังจะเกรงใจอะไรหนูอีกกันคะ…..คืนนี้สถานการณ์ไม่เอื้อจริงๆค่ะ แต่ว่าคุณยายวางใจได้เลยนะคะ ต่อไปหนูจะต้องมาหาคุณยายบ่อยๆอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นจะมาอยู่กินประจำ คุณยายจะไล่หนูหนูก็ไม่ไปไหนแล้วนะ!”
“ดีเลยสิ!” นายหญิงใหญ่เอ่ยพูดขึ้นอย่างด้วยความรู้สึกยินดี “มีประโยคนี้ของเธอมา ยายก็วางใจแล้ว!”
ว่าแล้วนั้นเธอก็ลุกขึ้นยืนพลางเอ่ยขึ้น : “ไปค่ะ ยายไปส่งเธอขึ้นเครื่อง!”