ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4232 ยังมีความเห็นแก่ตัวอีก
คนตระกูลอานมองส่งตามกู้ชิวอี๋ขึ้นเครื่องบินส่วนตัวไป และถึงได้หันหลังกลับเข้าคฤหาสน์ไปด้วยความอาลัยอาวรณ์
กับกู้ชิวอี๋แล้วคนตระกูลอานนั้นล้วนทั้งชอบทั้งรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณเหมือนๆกัน หลังจากที่กู้ชิวอี๋กลับไปแล้วนายหญิงใหญ่น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด สะอึกสะอื้นเอ่ยพูดกับลูกสาวลูกชาย : “นี่เป็นผลดีที่พี่สาวของแกให้ไว้กับพ่อแกและพวกเรา…..ถ้าไม่ใช่ว่าในตอนนั้นเธอกำหนดเรื่องการแต่งงานให้เฉินเอ๋อ เกรงว่าอุปสรรคในตอนนี้ของพ่อแก…ก็คงจะข้ามผ่านไปไม่ได้จริงๆแล้ว….”
อานโฉงชิวอดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้เช่นกัน : “แม่พูดถูก ถ้าหากไม่ใช่ยาช่วยหัวใจของคุณกู้ คืนนี้พ่ออาจจะจากเราไปแล้วก็ได้…..”
นายหญิงใหญ่พูดขึ้นมาอย่างจริงจัง : “เรื่องนี้พวกเราติดหนี้บุญคุณครั้งใหญ่กับตระกูลกู้เอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรู้สึกหรือว่าตามเหตุตามผลแล้วจะต้องไปเยี่ยมเยียนขอบคุณด้วยตัวเองถึงที่ จากที่ฉันดูแล้ว รอให้ร่างกายของพ่อแกดีขึ้นซักหน่อย พวกเราทั้งครอบครัวไปที่เย่นจิง ไปขอบคุณพ่อของหนานหนานกันต่อหน้า อย่าให้เขารู้สึกว่าพวกเราตระกูลอานเสียมารยาท”
อานโฉงชิวพยักหน้าลง : “แม่พูดถูก ความมีไมตรีจิตต่อกันมากขนาดนี้ จะต้องไปขอบคุณถึงที่จริงๆครับ เพียงแต่ตอนนี้ความจำของพ่อค่อนข้างแย่อยู่เลย เรื่องนี้กลัวว่าพ่อจะลืมไปอย่างรวดเร็ว ถึงตอนนั้นพอพ่อได้ยินว่าจะไปเย่นจิง คงจะไม่ยอมสิครับ”
ในใจของอานโฉงชิวชัดเจนดี หลังจากที่ครอบครัวของพี่สาวเกิดเรื่องขึ้น คุณท่านก็ปฏิเสธเย่นจิงกับเมืองจินหลิงมาโดยตลอด ในชีวิตประจำวัน หากได้ยินสองชื่อสถานที่นี้ก็จะตบโต๊ะด่าว่าด้วยความโมโหขึ้นมา แต่ตอนนี้ความจำของเขา หยุดลงตรงที่หลังจากที่พี่สาวเสียชีวิตไปได้ไม่นาน สถานการณ์แบบนี้ให้เขาไปที่เยนจิง เขาจะต้องปฏิเสธอย่างแน่นอน
นายหญิงใหญ่ได้ยินแล้ว ก็พยักหน้าลงเล็กน้อย พลางเอ่ยขึ้นอย่างถอดถอนใจ : “นี่เป็นปัญหาอยู่จริงๆ ถึงตอนนั้นค่อยดูสภาพของพ่อแกแล้วกัน ถ้าหากสามารถพูดกับเขาได้ ให้เขารู้ว่าเป็นสถานการณ์อะไร บางทีเขาอาจจะรับได้ก็ได้ อย่างมากก็คอยพูดกับเขาทุกวัน”
ว่าแล้ว นายหญิงใหญ่ก็ถอนหายใจออกมา พลางเอ่ยขึ้นอีกครั้ง : “ความจริงแล้ว ฉันอยากจะพาพ่อแกไปที่เยนจิงด้วยกัน ยังมีความเห็นแก่ตัวอีกอย่างนึงด้วย…..”
สองสามคนรีบมองมายังนายหญิงใหญ่ รอคำพูดต่อไปของเธอ
เวลานี้ นายหญิงใหญ่เอ่ยพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง : “ฉันอยากจะพาพ่อแกไปหาพี่สาวแกที่ตระกูลเย่ แล้วกำจัดเอาความรู้สึกขัดข้องใจที่มีกับตระกูลเย่มาหลายปีขนาดนี้ออกไปด้วย”
หยุดเว้นวรรคไป นายหญิงใหญ่เอ่ยพูดขึ้นต่อ : “หลายปีมานี้ ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆกับตระกูลเย่มาโดยตลอด แม้กระทั่งความรู้สึกไม่พอใจที่อยู่ในใจของพ่อแกที่มีต่อพวกเขา…..แต่ สุดท้ายแล้วตระกูลเย่ก็เป็นครอบครัวทางฝ่ายสามีของพี่สาวแก และยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้ว่าที่อยู่ของเฉินเอ๋อจะยังไม่ชัดเจน แต่เลือดที่รินไหลอยู่ในตัวเขาก็เป็นของตระกูลเย่และตระกูลอาน ในอนาคตถ้าหากหาตัวเฉินเอ๋อกลับมาแล้ว เพื่อเขาแล้ว พวกเราก็จำเป็นต้องกำจัดความขัดแย้งกับตระกูลเย่ด้วยเหมือนกัน ในเมื่อถึงตอนนั้นก็ต้องทำลายกำแพงสู้พูดให้เคลียร์ไปตั้งแต่แรงเลยจะดีกว่า แบบนี้รอให้หาตัวเฉินเอ๋อเจอ พวกเราก็สามารถให้ครอบครัวใหญ่ที่มีความรักใคร่กลมเกลียวต่อกันกับเขาได้ ตอนนั้นเขาก็จะได้รับการสนับสนุนของตระกูลอานและตระกูลเย่ด้วยในขณะเดียวกัน แล้วก็สามารถเดินบนทางที่ถูกต้องได้โดยเร็ว พวกแกว่ายังไงบ้าง?”
อานโฉงชิวพิจารณาเล็กน้อยอยู่พักหนึ่ง แล้วพยักหน้าลง : “แม่ ผมเห็นด้วยกับการตัดสินใจของแม่ครับ”
อานข่ายเฟิงเองก็เอ่ยพูดขึ้นอย่างจริงจังด้วยเช่นกัน : “แม่ ความคิดผมเหมือนกับพี่ใหญ่เลยครับ”
อานจาวหนาน อานโยวโยวเองก็แสดงท่าทางที่เหมือนกันออกมาโดยไม่ต้องคิดเลย
นายหญิงใหญ่พยักหน้าลงอย่างปลื้มใจ พลางเอ่ยขึ้นด้วยความหดหู่ : “ที่ฉันกังวลที่สุดตอนนี้ก็คือพ่อของแกจะรอไม่ถึงวันนั้นที่เฉินเอ๋อกลับมา พวกเราหาเฉินเอ๋อมาแล้วยี่สิบปี จนถึงตอนนี้แล้วก็ยังไม่ได้อะไรเลย ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะสามารถหาที่อยู่ของเขาเจอได้…..”
พูดมาถึงตรงนี้แล้ว นายหญิงใหญ่ก็ตาแดง พลางถอยหายใจและเอ่ยขึ้น : “ปีสองปีก็ยังพอว่า สามปี ห้าปี เป็นสิบปีเขาจะต้องรอต่อไปไม่ไหวแน่ๆ….”
อานโฉงชิวได้ยินแล้วก็อดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้ : “ถ้าหากซื้อยาอายุวัฒนะได้ก็คงดี ปัญหาเหล่านี้ของพ่อก็จะสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆไปได้อย่างง่ายดาย”
วันนี้นายหญิงใหญ่ได้เห็นประสิทธิภาพของยาช่วยหัวใจแล้ว ก็มีความมั่นใจกับยานี้มาก จึงรีบเอ่ยขึ้น : “โฉงชิว พวกเรากลับไปห้องรับแขก แกบอกแม่หน่อยว่าเรื่องยาอายุวัฒนะนั่นมันคืออะไร ช่วงนี้แม่เองก็ได้ยินคนพูดถึงเหมือนกัน แต่รู้สึกว่าพวกเขาพูดมามันดูเป็นจอมยุทธแฟนตาซีเกินไป เหมือนกับเป็นเรื่องจริง เพราะฉะนั้นจึงไม่สามารถไปตัดสินว่าจริงเท็จได้เลยเหมือนกัน”