ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4237 เป็นคนของสำนักว่านหลง!
อานโฉงชิวยิ่งรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา : “ถ้าหากเป็นเจ้าของยาอายุวัฒนะคนนั้นจริงๆ ถ้าอย่างนั้นไม่แน่ว่าเขาจะอยู่ที่สหรัฐอเมริกาก็ได้! นายรีบไปตรวจสอบบันทึกเข้าประเทศของเฟ่ยเจี้ยนจง ลองดูว่าคืนนี้ใครเข้าประเทศกับเขา!”
หลี่ญ่าหลินรีบเอ่ยขึ้น : “โฉงชิว นายแม่งสมองดีนี่หว่า ดีกว่าฉันอีก! ฉันจะไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้เลย!”
อานโฉงชิวรีบกำชับ : “ญ่าหลิน เรื่องนี้ตรวจสอบต้นสายปลายเหตุออกมาได้แล้ว นายห้ามปิดบังฉันเด็ดขาดนะ ตอนนี้คุณท่านของตระกูลฉันมีเพียงแค่ยาอายุวัฒนะเท่านั้นที่จะสามารถรักษาได้ ถ้าหากหาเบาะแสที่เกี่ยวข้องเจอ จะต้องบอกฉันนะ!”
“วางใจได้น่า!” หลี่ญ่าหลินตอบรับอย่างไม่ลังเล พลางโพล่งออกมา : “พบอะไรแล้วฉันจะบอกนายทันที!”
หลี่ญ่าหลินวางสายไปแล้ว รีบให้คนไปตรวจสอบบันทึกเข้าประเทศของเฟ่ยเจี้ยนจงทันที
เนื่องจากว่าเฟ่ยเจี้ยนจงเข้าประเทศจากตึกวีไอพี ดังนั้นช่วงเดียวกันจำนวนคนที่เข้าประเทศนั้นนับว่าไม่มากนัก หลี่ญ่าหลินสามารถตรวจสอบข้อมูลคนเข้าประเทศในช่วงเวลานั้นออกมาได้ยี่สิบกว่าคน
ในนี้นอกจากเฟ่ยเจี้ยนจง เฟ่ยเข่อซินและหยวนจื่อซูแล้ว มีเพียงคนเชื้อสายจีนเพียงคนเดียวที่เข้าประเทศในช่วงเวลาเดียวกัน ชื่อว่าซูรั่วหลี
ตอนที่หลี่ญ่าหลินเห็นชื่อของซูรั่วหลีนั้น รูม่านตาของเขาก็หดตัวลงทันที!
ผู้หญิงคนนี้ เขาไม่เคยเจอ แต่เคยได้ยินชื่อ!
ช่วงก่อนหน้านี้ซูรั่วหลีพาคนไปทำลายล้างทั้งตระกูลมัตสึโมโตะ โยชิโตะที่ญี่ปุ่น แม้กระทั่งหนีรอดพ้นออกมาจากกำลังทหารที่มากของกองกำลังป้องกันตนเองภาคพื้นดินญี่ปุ่น หลังจากทำให้กองกำลังป้องกันตนเองภาคพื้นดินญี่ปุ่นได้รับความเสียหายแล้ว หลี่ญ่าหลินก็ได้ยินชื่อของเธอมา
แต่เขาคิดไม่ถึงว่าซูรั่วหลีจะมานครนิวยอร์กด้วยกันกับเฟ่ยเจี้ยนจง!
เขาหาเพื่อนเก่าตำรวจสากลในทันที หาอีกฝ่ายให้ช่วยตรวจสอบข้อมูลของซูรั่วหลี
ตอนแรก องค์กรตำรวจสากลของประเทศญี่ปุ่น ออกคำสั่งหมายนำจับซูรั่วหลีแล้ว ต้องการจะจับซูรั่วหลีกลับไปสอบสวน แต่หลังจากที่สำนักว่านหลงประกาศการเข้าร่วมของซูรั่วหลี ทางฝั่งญี่ปุ่นเพื่อไม่เป็นการหาเรื่องสำนักว่านหลง คำสั่งหมายจับนั้นก็ค่อยๆถอนออกไป
แต่คลังหลักฐานของตำรวจสากลระหว่างแต่ละประเทศนั้นจะเชื่อมต่อกัน ดังนั้นเพื่อเก่าของหลี่ญ่าหลินก็จัดการเรื่องข้อมูลของซูรั่วหลออกมาได้ในทันทีแล้วส่งให้เขา
หลังจากหลี่ญ่าหลินดูข้อมูลของซูรั่วหลีอย่างละเอียดแล้ว จึงรีบโทรกลับหาอานโฉงชิวทันที
โทรติดแล้ว เขาก็เอ่ยโพล่งออกมา : “โฉงชิว ฉันสืบคนที่เข้าประเทศไปกับเฟ่ยเจี้ยนจงได้แล้ว มีผู้หญิงอยู่คนหนึ่งชื่อว่าซูรั่วหลี เมื่อก่อนผู้หญิงคนนั้นลูกสาวนอกสมรสของตระกูลซูแห่งหัวเซี่ย ช่วงก่อนหน้านี้เคยก่อคดีฆ่าทั้งตระกูลเอาไว้ที่ญี่ปุ่น!”
“ตระกูลซู?” อานโฉงชิวเอ่ยถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ : “สถานการณ์ของตระกูลซูแห่งหัวเซี่ยฉันพอรู้อยู่บ้าง ศักยภาพความสามารถพอๆกับครอบครัวทางฝ่ายสามีของพี่สาวฉัน ไม่มีทางแข็งแกร่งกว่าตระกูลเฟ่ยอย่างเด็ดขาด คนของตระกูลซูทำไมถึงกล้าแทรกมือเข้ามาในเรื่องของตระกูลเฟ่ยกัน?!”
หลี่ญ่าหลินโพล่งขึ้น : “ซูรั่วหลีคนนั้น ช่วงก่อนหน้านี้ได้เข้าร่วมสำนักว่านหลงแล้ว ตอนนี้เป็นคนของสำนักว่านหลง!”
“สำนักว่านหลง?!” อานโฉงได้ยินแล้วตกตะลึงตาค้างไปพลางเอ่ยขึ้นมา : “พวกเขาไปดึงความสัมพันธ์กับตระกูลเฟ่ยได้ยังไง?!”
หลี่ญ่าหลินเอ่ยขึ้น : “ดีไม่ดีคุณท่านตระกูลเฟ่ยรับปากให้เงินก้อนใหญ่ไปแล้ว เลยขอให้สำนักว่านหลงมาช่วยเขาแย่งตำแหน่งผู้นำตระกูลกลับมา”
อานโฉงชิวเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย : “ถ้าหากเป็นเพียงแค่เรื่องนี้ ถ้าอย่างนั้นที่นายคาดเดาเอาไว้ก็ถือว่ามีเหตุผลมาก แต่ปัญหาคือ ถ้าหากสำนักว่านหลงถูกคุณท่านตระกูลเฟ่ยจ้างมาจริงๆ พวกเขาจะไปลักพาตัวเฟ่ยฮ่าวหยางทำไมอีก? ได้รับการว่าจ้าง และยังลักพาตัวหลายชายของคนที่จ้างไป มันไม่ขัดแย้งกันหรอกเหรอ?”
หลี่ญ่าหลินคิดอะไรขึ้นมาได้ แล้วโพล่งออกมา : “ใช่สิ ก่อนหน้านี้สำนักว่านหลงเคยขัดแย้งกันกับตระกูลทางฝ่ายสามีของพี่สาวนาย เรื่องนี้นายรู้หรือเปล่า?”
“รู้” อานโฉงชิวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา : “หัวหน้าสำนักว่านหลงกับพี่เขยฉันมีความแค้นต่อกัน ครั้งที่แล้วที่เขาไปฆ่าสังหารถึงตระกูล เห็นว่าตระกูลเย่ยอมสละทรัพย์สินของตระกูลไปครึ่งหนึ่ง ถึงได้นับว่าเลี่ยงมาได้”
หลี่ญ่าหลินเอ่ยขึ้น : “ถ้าอย่างนั้นไม่แน่ว่าสำนักว่านหลงจะได้รับประโยชน์จากตระกูลเย่ จึงคิดที่จะแสวงหาผลประโยชน์จากตระกูลเฟ่ยอีก!”