ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4245 สรุปแล้วแกร่งเกินไปหรือบ้าเกินไปกันแน่?
บทที่ 4245 สรุปแล้วแกร่งเกินไปหรือบ้าเกินไปกันแน่?
หลี่ญ่าหลินถอนหายใจออกมาแล้วพลางเอ่ยขึ้น : “ช่างเถอะ นายลองหาดูอีกทีว่ามีเบาะแสอื่นๆอีกหรือเปล่า”
อีกฝ่ายหนึ่งเอ่ยถาม : “ต้องไปถามเถ้าแก่ร้านห่านย่างร้านนั้นไหมครับ? ไม่แน่ว่าในร้านอาจจะมีกล้องวงจรปิดอยู่”
หลี่ญ่าหลินรีบพูดขึ้นมา : “ยังไม่ต้องก่อน กู้ชิวอี๋ในฐานะที่เป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงที่สุดในเขตแดนของคนเชื้อสายจีน ในเมื่อเดินทางมากินข้าวที่นี่เป็นพิเศษ ก็คงจะรู้จักกับเถ้าแก่ ถ้าไปถาม จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นเปล่าๆ”
ว่าแล้ว หลี่ญ่าหลินมีความคิดที่เฉียบไวขึ้นมา พลางออกปากขึ้น : “แบบนี้ นายรอให้ร้านเปิดแล้ว ก็ไปกินข้าวในร้านก่อน ลองดูว่าในร้านมีกล้องวงจรปิดหรือเปล่า ถ้าหากมี ตอนบ่ายให้คนไปแสดงละครตบตาเป็นการแย่งขโมยโทรศัพท์มือถือตรงข้างทางบริเวณใกล้ๆ หลังจากนั้นก็เปลี่ยนตัวเองอีกคนหนึ่งเข้าไปในร้าน บอกว่าสืบคดีต้องการบันทึกจากกล้องวงจรปิดของพวกเขา ถึงตอนนั้นก็เอาฮาร์ดดิสก์ที่บันทึกภาพจากกล้องถอดกลับมา”
อีกฝ่ายหนึ่งยิ้มพลางเอ่ยขึ้น : “โห….หัวหน้า นี่หัวหน้านี่แหล่ะที่มีกลยุทธ์! ถ้าอย่างนั้นผมรอให้ร้านพวกเขาเปิดก่อนแล้วจะไปลองดูนะครับ!”
หลังจากที่หลี่ญ่าหลินอืมตอบรับแล้ว ก็วางสายไป
วางสายแล้ว เขาก็ดูคลิปวิดีโอเมื่อครู่นี้อีกครั้ง จากนั้นก็ลากแถบความคืบหน้าไปทางด้านหลัง
เห็นรถของอานโฉงชิวออกไปจากร้านห่านย่างอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นาน ตัวเองก็เดินออกมาจากร้าน และต่อมารถคันที่กู้ชิวอี๋นั่งมาคันนั้นก็ขับออกไปจากไชน่าทาวน์และไปทิศทางเดียวกันกับอานโฉงชิว
ดูมาถึงตรงนี้แล้ว
เลยช่วงเวลากินข้าวมาตั้งนานแล้ว ในร้านก็ดูเหมือนกับไม่มีคน ถ้าอย่างนั้นกู้ชิวอี๋อยู่ตรงไหนกัน?”
เขาอดที่จะพึมพำขึ้นมาไม่ได้ : “วันนั้นตอนที่ไปร้านนี้กับโฉงชิว
ในใจคิด เขาอดที่จะหลับตาลงไม่ได้ ในหัวนั้นนึกย้อนกลับไปใหม่ถึงสถานการณ์ที่ร้านห่านย่างในวันนั้นอีกครั้ง
และไม่นานภาพในวันนั้นก็ปรากฏขึ้นในหัวของเขา
เป็นตำรวจอาชญากรรมมานาน เขามีความจำเป็นกระบวนการดูดซับข้อมูลข่าวสารที่แข็งแกร่งมาก ตอนนั้นอาจจะไม่ได้สังเกตถึงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆตรงนั้น
แต่รายละเอียดเหล่านั้นความจริงแล้วถูกเขาบันทึกเอาไว้เหมือนกับกล้องบันทึกวิดีโอ การเก็บบันทึกที่เป็นแบบเครื่องกลอยู่ในหัวของเขา นึกย้อนกลับไปเหมือนกับย้อนกลับไปดูซ้ำอีกครั้งหนึ่ง รายละเอียดหลายๆอย่างในตอนนั้น
ล้วนสามารถที่จะถูกจับคว้าขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง
ไม่นานเขาก็นึกถึงในร้านห่านย่างในวันนั้น ทางขวามือใกล้ๆมีบันไดไม้ที่จะขึ้นไปทางด้านบน
วันนั้นตอนที่ตัวเองกับอานโฉงชิวเข้าประตูมา ไม่ได้ไปสนใจสถานการณ์ของตรงบันไดนั้นกันนัก แต่จู่ๆภาพที่แวบเข้ามาในหัวของเขานั้น
ตอนนั้นตรงบันไดไม่ได้ว่างเปล่า แต่มีคนสองคนและขาสี่ข้างปรากฏอยู่ตรงมุมบนขวามือสุด
ในใจของเขามั่นใจได้ในทันที วันนั้นตอนที่ตัวเองและอานโฉงชิวถึงร้าน กู้ชิวอี๋คงจะเพิ่งเดินขึ้นไปกับใครอีกคนหนึ่ง
ดังนั้นแล้วเขาจึงอดที่จะพึมพำออกมากับตัวเองไม่ได้
หรือว่าตอนที่เฟ่ยฮ่าวหยางถูกลักพาตัวไปในวันนั้น จะเป็นเด็กที่ทำให้เฟ่ยเสวปิงเงียบกริบพูดไม่ออกคนนั้น?”
: “อีกคนหนึ่งเป็นใครกัน? เป็นผู้จัดการส่วนตัวของเธออย่างนั้นเหรอ?
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว ในหัวของเขาก็อดที่จะมีการแสดงอาการออกมาของเย่เฉินในวันนั้นลอยขึ้นมาไม่ได้
เมื่อนึกถึงเย่เฉินแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะพิจารณาขึ้นมาอีกครั้ง :
“เด็กนั่นอยู่หลังจากที่เฟ่ยฮ่าวหยางถูกลักพาตัวไปแล้ว ภายใต้สถานการณ์ที่เฟ่ยเสวปิงข่มขู่เพื่อแสดงว่าตนอยู่เหนือกว่า เป็นเช่นนี้แล้วก็สามารถทำได้โดยไม่หวาดกลัวเลยซักนิดเดียว แม้กระทั่งไม่ยอมให้ด้วยแม้แต่น้อยนิด เห็นความมั่นใจในใจเขามีมาก แต่ทำไมเขาถึงได้มั่นใจขนาดนี้? ต้องรู้ว่านี่คืออาณาเขตของตระกูลเฟ่ย
เขาไปเป็นเพื่อนกู้ชิวอี๋เพื่อไปร่วมงานเลี้ยงการกุศลขององค์กรเฟ่ยฮ่าวหยาง จะต้องรู้ว่าเบื้องหลังความสามารถของตระกูลเฟ่ยคืออะไร”
“ทั้งที่รู้ความสามารถของตระกูลเฟ่ย ยังไม่เห็นเฟ่ยเสวปิงอยู่ในสายตาเลยแม้แต่นิดเดียว คนแบบนี้ สรุปแล้วแข็งแกร่งเกินไป หรือว่าบ้าเกินแล้วกันแน่?”