ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4246 โชคชะตาดี
หลี่ญ่าหลินคิดมาถึงตรงนี้แล้ว ก็ยิ่งรู้สึกว่าบนร่างของเด็กหนุ่มคนนั้นดูเหมือนกับมีความลับบางอย่าง
เขารู้สึกว่า คนหนึ่งคนไม่ว่าจะบ้าระห่ำ หรือแข็งแกร่ง ก็จะต้องมีความมั่นใจที่เพียงพอ ดังนั้นเขาอยากจะทำเรื่องราวให้ชัดเจน ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นทำไมถึงได้มีความมั่นใจในการสู้กับเฟ่ยเสวปิงอย่างซึ่งๆหน้าได้
เขาดูแล้ว เด็กหนุ่มคนนี้ ไม่น่าว่าจะกลายเป็นจุดที่บุกทะลวงจุดหนึ่งก็ได้
แต่ตอนนี้เขารู้สึกกลุ้มใจที่สุดก็คือ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรถึงจะสามารถติดต่อกับเด็กหนุ่มคนนั้นได้อย่างสมเหตุสมผล
เพราะถึงอย่างไร ถ้าหากเป็นการเข้าใกล้คนๆหนึ่งโดยไม่มีเหตุผลที่เพียงพอ เขาจะต้องสงสัยในเจตนารมณ์ของอีกฝ่ายที่เข้าใกล้ตัวเองอย่างแน่นอน
สำหรับคนฉลาด ถ้าหากรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ ก็จะมีมาตรการในการรับมือขึ้นมาทันที ทำให้อีกฝ่ายไม่สามารถหาจุดบุกทะลวงใดๆได้เลย
และขณะที่เขากำลังรู้สึกกลุ้มใจกับเรื่องนี้อยู่นั้น ทันใดนั้นเองอานโฉงชิวก็โทรมาหาเขา
หลี่ญ่าหลินกดรับสายทันทีโดยไม่มีการลังเลใดๆ
ในสายนั้น อานโฉงชิวเอ่ยถามขึ้นอย่างเข้าประเด็น : “ญ่าหลิน เมื่อคืนทางนายมีพบเจออะไรใหม่ๆบ้างหรือเปล่า?”
ความจริงแล้ว อานโฉงชิวเมื่อคืนนี้ก็ไม่ได้นอนเลยทั้งคืน ในหัวคอยคิดอยู่ตลอดว่ากู้ชิวอี๋รู้ข่าวเรื่องอาการป่วยหนักของคุณท่านได้อย่างไร
แต่ถึงอย่างไรแล้วเขาก็บอกกับหลี่ญ่าหลินไปแล้วเมื่อวานว่าไม่อยากให้ต้องไปสืบเรื่องกู้ชิวอี๋ ดังนั้นตอนนี้ก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยถามหลี่ญ่าหลินตรงๆ ทำได้เพียงเอ่ยถามอย่างไม่จริงจังนักว่ามีเจออะไรใหม่ๆหรือเปล่า
หลี่ญ่าหลินกับอานโฉงชิวเป็นเพื่อนพี่น้องกันมาหลายปี รู้อยู่แล้วว่าในใจของเพื่อนคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ จึงตอบกลับไป : “ฉันให้คนย้อนกลับไปตั้งแต่ต้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติจอห์น เอฟ. เคนเนดี พูดออกมาแล้วนายอาจจะไม่เชื่อ ตอนนั้นพวกเรากำลังกินห่านย่างอยู่ที่ไชน่าทาวน์ กู้ชิวอี๋คนนี้ก็อยู่ที่นั่นด้วยเหมือนกัน”
“อะไรนะ?!” อานโฉงชิวเอ่ยถามขึ้นอย่างตกตะลึง : “เธอก็อยู่ในร้านเหมือนกันเหรอ? เป็นไปไม่ได้ ตอนนั้นในร้านนอกจากเถ้าแก่และเพื่อนของเขาแล้ว ก็มีเพียงเราสองคนเท่านั้นนี่?”
หลี่ญ่าหลินเอ่ยขึ้น : “นายอาจจะไม่ได้สังเกต แต่ฉันนึกย้อนกลับไปอย่างละเอียดแล้ว ตอนนั้นที่พวกเราเข้าไปในร้านมีอีกสองคนที่เดินขึ้นไปด้านบนก่อนหน้าเราพอดี ในสองคนนั้นมีคนหนึ่งคือกู้ชิวอี๋”
อานโฉงชิวโพล่งออกมา : “โอ้ว…..ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญขนาดนี้! นี่ก็คือว่า คุณกู้ไม่ใช่ว่าได้ข่าวอาการป่วยหนักของคุณท่านจากคนอื่น เธอได้ยินมาจากฉันโดยตรงเลย……”
“ถูกต้อง” หลี่ญ่าหลินหัวเราะออกมาพลางเอ่ยขึ้น : “เรื่องนี้ดูแล้วดูเหมือนว่าฉันจะคิดมากเกินไปแล้วล่ะ เมื่อวานฉันยังคิดว่าในนี้จะต้องมีแผนร้ายอะไรอยู่อย่างแน่นอน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องราวจะบังเอิญขนาดนี้ ตอนนั้นนายบอกว่าคุณท่านป่วยหนัก หลังจากที่รีบไปสนามบินแล้ว ไม่นานฉันก็ไปเหมือนกัน หลังจากฉันไปแล้วรถของกู้ชิวอี๋ก็ออกไปจากไชน่าทาวน์เหมือนกัน ไปทิศทางเดียวกับนาย จะต้องไปที่สนามบินจากตรงนั้นอย่างแน่นอน นี่ก็สามารถอธิบายได้อย่างสมเหตุสมผลว่าทำไมเธอสามารถไปถึงลอสแอนเจลิสโดยคลาดกับนายแค่นิดเดียวได้”
อานโฉงชิวอุทานออกมา : “ดูแล้วคุณท่านคงมีโชคชะตาที่ดีจริงๆ….วันนั้นถ้าหากเราสองคนไม่ไปกินห่านย่าง คุณท่านก็คงจะผ่านช่วงเวลานี้ไปไม่ได้แล้วแน่ๆ…..”
“ถูกต้อง” หลี่ญ่าหลินหัวเราะออกมาพลางเอ่ยขึ้น : “เรื่องนี้ดูแล้วดูเหมือนว่าฉันจะคิดมากเกินไปแล้วล่ะ เมื่อวานฉันยังคิดว่าในนี้จะต้องมีแผนร้ายอะไรอยู่อย่างแน่นอน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องราวจะบังเอิญขนาดนี้ ตอนนั้นนายบอกว่าคุณท่านป่วยหนัก หลังจากที่รีบไปสนามบินแล้ว ไม่นานฉันก็ไปเหมือนกัน หลังจากฉันไปแล้วรถของกู้ชิวอี๋ก็ออกไปจากไชน่าทาวน์เหมือนกัน ไปทิศทางเดียวกับนาย จะต้องไปที่สนามบินจากตรงนั้นอย่างแน่นอน นี่ก็สามารถอธิบายได้อย่างสมเหตุสมผลว่าทำไมเธอสามารถไปถึงลอสแอนเจลิสโดยคลาดกับนายแค่นิดเดียวได้”
อานโฉงชิวอุทานออกมา : “ดูแล้วคุณท่านคงมีโชคชะตาที่ดีจริงๆ….วันนั้นถ้าหากเราสองคนไม่ไปกินห่านย่าง คุณท่านก็คงจะผ่านช่วงเวลานี้ไปไม่ได้แล้วแน่ๆ…..”
“ใช่” หลี่ญ่าหลินอุทาน : “ว่าไปแล้วคุณกู้คนนี้มีความชอบธรรมและเมตตาที่ลึกซึ้งจริงๆ หลังจากที่ได้ยินเรื่องนี้ ก็รีบไปที่ลอสแอนเจลิสอย่างรวดเร็ว ดูแล้วที่เธอไปที่ลอสแอนเจลิส ไม่ใช่ไปเยี่ยมเยียนหรอก แต่ไปเพื่อช่วยคุณท่านเสียมากกว่า”
อานโฉงชิวเอ่ยขึ้นมาจากใจ : “ฉันคิดไม่ถึงเลยจริงๆ เรื่องราวที่อยากจะปกปิดเป็นแบบนี้….ว่าแล้วนี่พวกเราตระกูลอานก็ติดหนี้บุญคุณครั้งใหญ่กว่าเดิมกับคุณก็แล้วสิ…”
หลี่ญ่าฟลินอืมตอบรับ แต่ไม่นานก็พึมพำขึ้นมาอย่างสงสัย : “โฉงชิว มีเรื่องนึงที่ฉันไม่เข้าใจ ฉันพูดออกมานายอย่าถือสานะ”
อานโฉงชิวว่า : “นายก็พูดมาสิ”
หลี่ญ่าหลิน : “นายดูนะ ในเมื่อที่ตัวคุณกู้คนนี้สามารถมียาที่ช่วยคุณท่านเอาไว้ได้ อีกทั้งเธอเองก็รู้ว่าตอนนั้นนายเองก็อยู่ข้างล่าง ถ้าอย่างนั้นนายว่าทำไมเธอถึงไม่เอายาให้นายเลยล่ะ?”