ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4283 ทฤษฎีฮวงจุ้ย
บทที่ 4283 ทฤษฎีฮวงจุ้ย
เซียวชูหรันถามอย่างประหลาดใจ : “มีเรื่องเหลือเชื่อขนาดนี้จริงหรือ ? ก้าวเท้าไหนก่อนล้วนมีผลกระทบ ?”
“ใช่แล้ว” เย่เฉินยิ้มตอบ : “หากก้าวเท้าซ้ายก่อน อาจจะออกจากบ้านไปได้อย่างราบรื่น ปลอดภัยไร้อุบัติเหตุทั้งวัน แต่หากก้าวเท้าขวาก่อน จังหวะการก้าวเท้าที่ราบรื่นทั้งวันก็จะถูกทำให้ยุ่งเหยิงทั้งหมด มีความเป็นไปได้ว่าเนื่องจากเปลี่ยนเป็นก้าวเท้าขวาออกจากบ้าน ระหว่างทางตอนที่ลงบันได เท้าซ้ายก้าวพลาดกลิ้งลงมาจากบนบันไดจนต้องไปโรงพยาบาล และก็มีความเป็นไปได้ว่าเปลี่ยนเป็นก้าวเท้าขวาออกจากบ้าน จากนั้นหลังจากออกจากบ้าน ไม่ทันระวังเท้าซ้ายเลยไปเหยียบอึหมา”
“และเรื่องพวกนี้ ถ้าหากเขาก้าวเท้าซ้ายก่อนตอนออกจากบ้าน ก็จะสามารถหลบพ้นได้โดยอัตโนมัติ นี่ก็คือทฤษฎีผีเสื้อขยับปีกของศาสตร์ฮวงจุ้ย”
เซียวชูหรันเหมือนจะเข้าใจแล้ว แต่ความจริงนั้นไม่เข้าทฤษฎีฮวงจุ้ยของเย่เฉินเลย
มักจะรู้สึกเหมือนว่าพอมีเหตุผลอยู่บ้าง แต่ก็รู้สึกเหมือนเจือความเหลือเชื่ออยู่หน่อย
ทว่า ส่วนใหญ่แล้วเธอจะเคารพและยำเกรง ต่อสิ่งที่ตัวเองไม่เข้าใจ ดังนั้นก็เลยไม่ได้ตั้งข้อสงสัยใด ๆ เลย
ส่วนเย่เฉินที่อยู่ข้างเธอนั้น ส่วนลึกภายในใจตอนนี้มีความประหม่าและความกังวลอยู่เล็กน้อย
เขาไม่ได้กังวลว่าตอนกลางคืนจะถูกเปิดเผยต่อหน้าครอบครัวของคุณตา แต่มีความรู้สึกที่ซับซ้อนหลังจากจากบ้านเกิดไปนานจนยากที่จะควบคุมตัวเองเอาไว้ได้
ในใจของเขา แม้ว่าจะรู้สึกโทษการกระทำของครอบครัวคุณตาในปีนั้น
แต่ในจิตใต้สำนึก ยังคงมีความผูกพันทางสายเลือด
กับครอบครัวทางฝั่งนี้ของคุณแม่
คืนนี้ จะเป็นครั้งแรกที่เขาอยู่ใกล้กับพวกเขาขนาดนี้ ในช่วงยี่สิบปีมานี้เลย ในใจประหม่าก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ในขณะเดียวกัน คุณตาคุณยายของเย่เฉิน พาลูกสาวลูกชายไม่กี่คน มาถึงอาคารอานปางของแมนฮัตตันแล้ว
นั่งลิฟต์จนมาถึงชั้นบนสุดของอาคารอานปาง คุณท่านถอนหายใจไม่หยุด ทอดถอนใจกับนายหญิงกับเหล่าลูกสาวลูกชายไม่หยุด :
แต่ว่าหลังจากอาคารหลังนี้ได้ใช้จริง ๆ แล้ว เธอยังไม่เคยได้มาเลยสักครั้งเดียว……”
“หากว่าเฉิงซียังอยู่ก็คงดี……เธอทุ่มเทสติปัญญาและกำลังกายตั้งมากขนาดนั้นให้กับอาคารหลังนี้
นายหญิงใหญ่รีบเอ่ย :
อย่าลืมวันนี้พวกเรามานครนิวยอร์กเพื่อทำอะไร”
“คุณป่วยหนักเพิ่งหายดี อย่าไปคิดเรื่องเศร้า ๆ พวกนั้นอีกเลย
คุณท่านถามด้วยใบหน้าไม่รู้อะไรเลย : “มาทำอะไรเหรอ ?”
นายหญิงใหญ่บอกอย่างจนปัญญา :
! วันนี้พวกเรามานครนิวยอร์กเพื่อชมคอนเสิร์ตของคู่หมั้นเฉินเอ๋อ !”
“ตอนอยู่บนรถเมื่อกี้ฉันบอกคุณบอกแล้วรอบหนึ่งไง
“อ้อ……” คุณท่านพยักหน้า
พลันเอ่ยปาก :
“นึกถึงออกแล้ว……ชมคอนเสิร์ตของคู่หมั้นเฉินเอ๋อ……”
พูดจบ เขาก็มองนายหญิงใหญ่ พลางเอ่ยถาม
: “เฉินเอ๋อล่ะ ? เฉินเอ๋อก็ไปใช่ไหม
?”
นายหญิงใหญ่กลอกตาใส่เขา พลันบอก
: “ยังหาเฉินเอ๋อไม่เจอ
!”
คุณท่านเอ่ยด้วยความไม่พอใจ : “ฉันยังนึกว่าสมองฉันอาจจะจำได้ไม่ชัดเจน เฉินเอ๋อกลับแล้ว แต่ฉันลืมไปแล้ว…… ”
นายหญิงใหญ่ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เอ่ยด้วยความเศร้าใจ : “หากว่าเป็นแบบนั้นจริง ก็คงจะดีมากเลย”
ระหว่างที่สนทนา ลิฟต์ก็มาถึงชั้นบนสุดแล้ว
รุ่นลูกรุ่นหลานโขยงหนึ่ง เดินออกมาจากลิฟต์ติดตามทั้งสองกันเป็นกลุ่ม
เมื่อออกมาจากลิฟต์ชั้นบนสุดของอาคารอานปาง ก็เป็นห้องโถงใหญ่ที่เป็นหน้าต่างยาวจรดพื้นทั้งหมด ในเวลานี้ ถึงขนาดที่ว่าสามารถมองเห็นเมฆก้อนใหญ่นอกหน้าต่างที่ลอยอยู่จากจุดไม่ไกลนักตรงหน้าหน้าต่างได้
ตึกระฟ้าหลังนี้ เป็นตึกที่แม่ของเย่เฉินพยายามเสนอให้ลงทุนและก่อสร้างในปีนั้น ความสูงทั้งหมดสูงถึง 370 เมตร เลยตึกไครสเลอร์และตึกธนาคารยูเอสเอของนครนิวยอร์ก เป็นสิ่งก่อสร้างที่จัดว่าสูงเป็นอันดับที่ 3 ของนครนิวยอร์ก และเป็นทรัพย์สมบัติที่ใหญ่ที่สุด ดีที่สุด และแพงที่สุดของตระกูลอานในแมนฮัตตัน
ในปีนั้นอานเฉิงซียืนกรานที่จะลงทุนก่อสร้างอาคารอานปางด้วยเงินมหาศาล หลัก ๆ แล้วหวังว่าจะใช้ประโยชน์จากสิ่งปลูกสร้างแลนด์มาร์คประเภทนี้ เพื่อสนับสนุนธุรกิจการเงินและประกันที่เธอให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก