ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4287 ทำไมแกถึงทำให้ตัวเองเป็นแบบนี้ล่ะ
บทที่ 4287 ทำไมแกถึงทำให้ตัวเองเป็นแบบนี้ล่ะ
นายหญิงใหญ่เอ่ยเตือนอยู่ข้าง ๆ : “ญ่าหลินกับโฉงชิวอายุห่างกันไม่กี่ปี ปีนี้อายุห้าสิบกว่าปีแล้ว”
“อ้อ……” จู่ ๆ คุณท่านก็ได้สติกลับมา เมื่อครู่ตอนนึกถึงหลี่ญ่าหลิน นึกว่ายังอยู่เมื่อยี่สิบปีก่อน
ไม่นานนัก หลี่ญ่าหลินจึงขึ้นลิฟต์จนมาถึงชั้นบนสุดของอาคารอานปาง ภายใต้การคอยติดตามของพนักงาน
พอเห็นคุณท่าน เขาจึงรีบเดินมาข้างหน้า พร้อมกับเอ่ยด้วยความเคารพ : “ลุงอาน ร่างกายลุงยังแข็งแรงดีอยู่ใช่ไหม ? เดิมทีผมอยากไปเยี่ยมลุงที่ลอสแอนเจลิสด้วยกันกับโฉงชิว แต่สองวันก่อนมีธุระมากนิดหน่อยจริง ๆ ปลีกตัวไปไม่ได้ ขอให้ลุงให้อภัยด้วย !”
คุณท่านสังเกตหลี่ญ่าหลิน พลันเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ : “แกคือญ่าหลิน ?”
หลี่ญ่าหลินชะงักไป มองดูคนอื่น ๆ แล้วมองคุณท่านอีกครั้ง พลันรีบพยักหน้าบอก : “ผมเองครับ ลุงอาน ผมคือญ่าหลิน หลี่ญ่าหลินครับ”
คุณท่านอดไม่ได้ที่จะพูด : “แก……ทำไมตอนนี้แกไปไวเหมือนกับพ่อแกเมื่อสองปีนั้น อาสะใภ้ของแกบอกกับฉันว่าปีนี้แกอายุห้าสิบกว่า ฉันว่าบอกไม่เต็มที่แกก็น่าจะอายุหกสิบกว่าปีแล้วนะ เกิดเรื่องอะไรขึ้น ? ทำไมแกถึงทำให้ตัวเองเป็นแบบนี้ล่ะ”
หลี่ญ่าหลินเอ่ยอย่างเก้อเขิน :
โหมทำงานหนักเกินไป และก็ไม่ใส่ใจการบำรุงรักษาสุขภาพอีกด้วย ก็เลยยิ่งแก่กว่าคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน……”
“แหะ……หลายปีมานี้ยุ่งแต่กับงานมาตลอด
พูดๆ
อยู่ หลี่ญ่าหลินก็เอ่ยอีก : “อ้อ
จริงสิ อาหลี่ อาอย่าเห็นว่าเพิ่งจะอายุห้าสิบกว่าปี ผมได้เกษียณก่อนกำหนดแล้วนะ”
คุณท่านก็ยิ่งงงงวย ขมวดคิ้วถาม
: “ทำไมไวขนาดนี้ก็เกษียณแล้วล่ะ
?”
หลี่ญ่าหลินยิ้มเจื่อนแล้วเอ่ย
: “เดิมทีตั้งใจจะเกษียณปีหน้า หลายปีมานี้ละเลยภรรยากับลูกมากเกินไป พวกเธอโกรธผม สองปีก่อนก็ย้ายไปฮิวสตันแล้ว หากว่าผมไม่รีบเกษียณไปอยู่เป็นเพื่อนพวกเธอ
จากนี้เกรงว่าจะตัดขาดความสัมพันธ์กับผมเอาน่ะสิ”
คุณท่านอดไม่ได้ที่จะถาม
: “ตั้งใจจะเกษียณปีหน้า ทำไมตอนนี้ก็เกษียณก่อนกำหนดแล้วล่ะ
?”
หลี่ญ่าหลินยักไหล่อย่างเก้อเขิน :
“ลุงอาน
เรื่องเรื่องนี้ก็คือลูกไม่มีแม่ พูดแล้วเรื่องมันยาว……”
เมื่อได้ยินในคำพูดของหลี่ญ่าหลินเหมือนมีเรื่องราวไม่น้อย คุณท่านอานจึงเอ่ยปาก :
“ไม่เป็นไร เรื่องมันยาวก็ไม่เป็นไร อีกเดี๋ยวเราค่อย
ๆ คุยตอนบนโต๊ะอาหาร”
คุณท่านอานเพิ่งจะออกมาจากประตูนรก บวกกับความทรงจำมีปัญหาที่รุนแรง ดังนั้นจึงไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องราวที่คึกคักที่สุดที่สหรัฐอเมริกาในตอนนี้
ทว่า เขาเข้าใจหลี่ญ่าหลินเป็นอย่างดี
ดังนั้นจึงยิ่งสงสัยว่าตกลงว่าเขาผ่านเรื่องอะไรมา
รู้ว่าไอ้หนุ่มนี่นิสัยดื้อรั้นมาก พูดตามหลักแล้ว ไม่ว่าเมื่อไรก็ไม่มีทางยอมแพ้
หลี่ญ่าหลินรู้ว่าไม่มีทางที่จะอธิบายให้กระจ่างให้กับคุณท่านเพียงแค่สองสามประโยคได้หรอก ครั้งแล้วจึงพูดเบี่ยงบ่าย
: “พอเถอะครับ ลุงอาน
เรื่องเล็กน้อยแค่นั้นผมไม่พูดออกมารบกวนลุงหรอก อีกเดี๋ยวผมดื่มเป็นเพื่อนลุงสองแก้วแล้วกันครับ !”
นายหญิงใหญ่รีบบอก : “ญ่าหลิน เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะให้ลุงอานของเธอดื่มเหล้า สมองแบบนี้อย่างเขา ขืนดื่มเหล้าอีก เกรงว่าจะจำไม่ได้แม้กระทั่งฉันเลยด้วยซ้ำ”
“ใช่ ๆ ๆ……” หลี่ญ่าหลินได้สติกลับมา จึงรีบเอ่ย : “ต้องโทษผม ๆ โทษผมที่คิดไม่รอบคอบ”
คุณท่านหัวเราะคิกคัก แล้วเอ่ย : “ฉันเห็นไอ้หนุ่มอย่างแกนี่ มีสภาพที่ทรุดโทรมแบบนี้ ก็รู้แล้วว่าแกน่ะอยากดื่มเองแน่ ๆ ”
ว่าแล้ว เขาจึงเอ่ยกับอานโฉงชิวกับอานข่ายเฟิง : “โฉงชิว ข่ายเฟิง อีกเดี๋ยวพวกแกสองคนดื่มเป็นเพื่อนญ่าหลินหน่อย ส่วนฉันก็ไม่ดื่มแล้วล่ะ”
สองพี่น้องพยักหน้า : “ได้ครับพ่อ”
คุณท่านเห็นความหงอยเหงาที่ยากที่ปิดบังเอาไว้ได้ของญ่าหลินนั่น จึงแสร้งเอ่ยอย่างเคร่งขรึม : “ญ่าหลิน ! มีชีวิตชีวาหน่อย ! ดูสภาพของแกตอนนี้สิ ไม่มีเค้าบุคลิกที่องอาจห้าวหาญของพ่อแกในตอนนั้นเลย !”
หลี่ญ่าหลินรีบยืดตัวตรง เอ่ยด้วยความเคารพ : “ลุงอาน ที่ลุงวิจารณ์คือ……”