ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4288 ให้แกได้ตอแหลอีกแล้ว
บทที่ 4288 ให้แกได้ตอแหลอีกแล้ว
คราวนี้อานโฉงชิวมองเวลา พลันเอ่ย : “พ่อครับ เราทานข้าวกันก่อนไหมครับ อีกเดี๋ยวก็ทานไปด้วยคุยไปด้วยบนโต๊ะอาหาร”
“ได้” คุณท่านพยักหน้า : “ทานข้าวก่อน”
ชั้นบนสุดของอาคารอานปาง พื้นที่สิ่งปลูกสร้างเกินสี่พันตารางเมตร กล่าวโดยปกติแล้ว สามารถบรรจุได้อย่างน้อยนับร้อยคน ทว่าทั้งชั้นนี้ ตอนแรกล้วนเป็นคุณท่านใช้อยู่คนเดียว
ในชั้นนี้ ไม่เพียงแต่มีห้องทำงาน ห้องประชุมซึ่งถือเป็นการจัดตึกสำนักงานที่กฎเกณฑ์ปกติพวกนี้ ยังมีสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย ห้องกายภาพบำบัด รวมถึงห้องอาหาร และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในชีวิตอื่น ๆ
อันที่จริง ตอนนั้นคุณท่านไม่ได้ตั้งใจจะใช้พื้นที่ใหญ่ขนาดนี้เป็นสถานที่ทำงานของตัวเอง แต่ตอนที่อานเฉิงซีลูกสาวคนโตกำลังวางแผนตึกหลังนี้อยู่ ก็เหลือชั้นนี้เอาไว้ให้เขา และดำเนินการตบแต่งภายในตามความชอบของเขาด้วยตนเอง ดังนั้น คุณท่านจึงมีความรู้สึกที่ลึกซึ้งกับที่นี่เป็นอย่างมาก
จากนั้น
ทุกคนเดินไปนั่งที่ร้านอาหารจีนที่อยู่ทางใต้ของชั้นบนสุด แม้ว่าหลี่ญ่าหลินจะมีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลอาน แต่ก็หลายปีแล้วที่ไม่ได้มาที่นี่
เห็นว่าทั่วทุกแห่งที่นี่ล้วนใหม่เอี่ยมเป็นอย่างมาก ในใจจึงอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ
เขาจึงกระซิบถามอานโฉงชิวอย่างอดไม่ได้
: “โฉงชิว ตึกหลังนี้ของตระกูลแก เริ่มใช้อย่างน้อยก็ยี่สิบสามสิบปีแล้วใช่ไหม ?
ทำไมถึงยังรักษาได้ใหม่ขนาดนี้ ?”
อานโฉงชิวกระซิบตอบ : “กำลังทรัพย์ของตระกูลอานนั้นเจริญรุ่งเรือง ดังนั้นจึงรักษาทั่วทุกส่วนของตึกระฟ้าหลังนี้ได้ไว้ดีมาก โดยพื้นฐานแล้วทุกสองถึงสามปี
ก็จะตกแต่งใหม่อีกครั้งหนึ่ง ชั้นนี้จะมีผู้เชี่ยวชาญรักษาทุกวัน ตั้งแต่พี่สาวฉันเสียไป คุณท่านก็สั่งคำสั่งตายตัวเอาไว้ ไม่อนุญาตให้เปลี่ยนรูปแบบทั้งหมดของที่นี่ ดังนั้นของทั้งหมดที่นายเห็นในชั้นนี้ มีของสำรองที่ใหม่เอี่ยมอย่างน้อยสักสองสามชุด มีของที่หยุดผลิตไปแล้ว
ยังควักเงินจำนวนมากเชิญช่างฝีมือมาแกะสลักซ้ำโดยเฉพาะ”
ว่าแล้ว อานโฉงชิวก็ชี้ไปที่พรมบนระเบียง
พลันเอ่ย : “พรมอันนี้ที่อยู่ใต้เท้าของนาย เป็นของที่ช่างฝีมืออิหร่านถักทอด้วยตัวเอง พอ ๆ กันกับที่ต่อมามัสยิดใหญ่ที่อาบูดาบีใช้ประเภทนั้น ค่าสร้างต่อหนึ่งตารางเมตรก็เกือบหนึ่งหมื่นดอลลาร์สหรัฐ ตอนแรกคุณท่านให้คนเชิญช่างฝีมือร้อยกว่าคนจากอิหร่านในคราวเดียว ถักทอพรมผืนนั้นตามที่พี่สาวทิ้งไว้ให้ณ ตอนนั้นสิบกว่าชุด
เปลี่ยนปีละครั้ง”
หลี่ญ่าหลินฟังแล้วตกใจจนพูดไม่ออก จึงเอ่ยอย่างอดไม่ได้ :
“ตระกูลของพวกแกไม่เห็นเงินเป็นเงินจริง ๆ ……พรมหนึ่งหมื่นดอลลาร์ต่อหนึ่งตารางเมตร
ใช้ได้หนึ่งปีก็เปลี่ยนแล้ว……โยนเงินทิ้งไปแบบนี้ ไม่เสียดายเหรอ……”
อานโฉงชิวเอ่ยจริงจัง :
ไม่มองสัดส่วน นั่นเป็นการเล่นลูกไม้หน้าด้าน ๆ ”
“ญ่าหลิน เรื่องเกี่ยวกับเงินประเภทนี้ มองแค่จำนวนเงิน
หลี่ญ่าหลินถามด้วยความประหลาดใจ : “หมายความว่าไง ?”
อานโฉงชิวจึงพูดออกมา : “ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอย่างการที่ตระกูลอานเปลี่ยนพรมแค่นี้
อัตราส่วนที่มีสัดส่วนอยู่ในทรัพย์สมบัติตระกูลอานนั้น โดยพื้นฐานแล้วเท่ากับที่นายเปลี่ยนถุงขยะใหม่ให้กับถังขยะที่บ้าน
ตอนที่นายเปลี่ยนถุงขยะเสียดายไหมล่ะ ?”
“ฉิบหาย……” หลี่ญ่าหลินเดาะปาก
พูดด่าพึมพำ
: “แม่ม ให้แกได้ตอแหลอีกแล้ว”
อานโฉงชิวเบะปาก : “พูดตามความจริงก็เท่านั้น”
ในระหว่างที่พูดคุย ทุกคนก็ทยอยมาถึงร้านอาหารจีน คุณท่านร้องทักให้หลี่ญ่าหลินมาข้างหน้า ให้หลี่ญ่าหลินนั่งติดกับเขา
เนื่องจากอานข่ายเฟิงได้แจ้งล่วงหน้าไปตั้งนานแล้ว ดังนั้นพอทุกคนเพิ่งจะนั่งลงประจำที่ พนักงานบริการก็ทยอยยกอาหารที่เตรียมไว้เรียบร้อยมาทันที
อานข่ายเฟิงเป็นคนที่ให้คนเอาเหล้าขาวมาขวดหนึ่ง ตั้งใจจะดื่มไม่กี่แก้วเป็นเพื่อนหลี่ญ่าหลินกับพี่ใหญ่ด้วยกัน
คุณท่านดูเหมือนจะเป็นห่วงสภาพที่ยากลำบากของหลี่ญ่าหลินในขณะนี้เป็นอย่างมาก จึงเอาแต่ถามเขาว่าช่วงนี้เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น