ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4298 หลี่ญ่าหลินก็อยู่ด้วย
บทที่ 4298 หลี่ญ่าหลินก็อยู่ด้วย
ยายของเย่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ลำบากเธอแล้วเสี่ยวเฉิน ถ้าเธอมีเรื่องอะไรต้องทำก็ไปเถอะ ไม่ต้องกังวลเรื่องของเรา”
ขณะเอ่ย นายหญิงใหญ่ก็นึกอะไรบางอย่างได้และรีบถามว่า “ใช่สิเสี่ยวเฉิน หลังจากจบคอนเสิร์ตแล้ว หนานหนานพอจะมีเวลาไหม? ถ้ามีเวลา พวกเราก็จะรอพบเธอ ถ้าไม่สะดวกสำหรับเธอ อย่างนั้นเราก็จะไม่รบกวนแล้ว”
เฉินตัวตัวรีบพูดว่า “สะดวกค่ะสะดวก ชิวอี๋ขอให้ฉันบอกคุณว่าหลังจากการแสดงถ้าคุณไม่รีบไปไหนก็สามารถรอเธอในห้องสักครู่ หลังจากเธอจัดการเรื่องต่างๆเสร็จเธอก็จะมาที่นี่”
“ดี!” นายหญิงใหญ่เอ่ยว่า “อย่างนั้นพวกเราจะรอเธอที่นี่หลังการแสดงจบ”
บทสนทนาเหล่านี้ เย่เฉินล้วนได้ยินมันทุกคำ
เขารู้ว่า กู้ชิวอี๋จะมาพบตายายหลังจากการแสดงจบลง ด้านหนึ่งก็เพราะความเคารพ ส่วนอีกด้านหนึ่งก็เป็นเพราะพิจารณาถึงตนเอง
นั่นเพราะกู้ชิวอี๋กังวลว่าเมื่อการแสดงจบลง ตนและเซียวชูหรันเวลาออกจากงานอาจจะเจอเข้ากับคนของบ้านคุณยาย ดังนั้นก็เลยตั้งใจจัดการแบบนี้
หลังจากการแสดงจบลง คุณยายและครอบครัวก็จะรอกู้ชิวอี๋อยู่ในห้อง ส่วนพวกเขาก็สามารถใช้ประโยชน์จากเวลานี้เพื่อพา เซียวชูหรันจากไปโดยตรง
แบบนี้ ต่อให้ทั้งสองฝ่ายจะถูกกั้นด้วยกำแพงตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ก็จะไม่มีโอกาสได้เผชิญหน้ากัน
ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อให้ได้เอฟเฟกต์เสียงที่ดีที่สุด
แต่ละห้องล้วนได้ทำการวางระบบเสียงอย่างเข้มงวด ดังนั้นจึงมีฉนวนกันเสียงสองชั้นระหว่างห้องทั้งสอง ในสถานการณ์แบบนี้
ต่อให้เย่เฉินและเซียวชูหรันพูดคุยเสียงดังในห้องก็เป็นไปไม่ได้ที่ห้องข้างๆจะได้ยินพวกเขา
ต่อให้เป็นว่านพั่วจวินที่เป็นผู้เก่งกาจวิชาบู๊ระดับแดนสว่างชั้นสูงสุดที่เข้ามาก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะได้ยินการสนทนาของห้องข้างๆ
เว้นก็แต่จะเป็นระดับเย่เฉินที่มีปราณทิพย์คุ้มครองร่าง ถึงจะสามารถยืมพลังปราณทิพย์ที่มีสัมผัสทุกย่างก้าวการเคลื่อนไหวของห้องถัดไปได้
หลังจากเฉินตัวตัวจากไป เย่เฉินก็รู้สึกได้ว่าห้องข้างๆมีคนอยู่ทั้งสิ้น 14
คน และอีก 4
คนกำลังยืนอยู่นอกห้อง
อย่างไรก็ตาม ปราณทิพย์นั้นไม่ได้มีอำนาจทุกอย่าง แม้ว่าเย่เฉินจะสัมผัสได้ถึงจำนวนคน แต่เขาไม่สามารถระบุตัวตนของแต่ละคนได้ด้วยปราณทิพย์
แต่เขากลับรู้สึกได้ว่าทั้งสี่คนที่อยู่นอกประตูห้องล้วนเป็นผู้เก่งกาจวิชาบู๊
หนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดได้ไปถึงระดับนักบู๊แปดดาว ซึ่งเทียบเท่าได้กับความแข็งแกร่งของว่านพั่วจวินที่ฆ่าล้างเย่หลิงซานในตอนนั้น
ส่วนอีกสามคน คนที่อ่อนแอที่สุดคือนักบู๊หกดาว และอีกสองคนเป็นนักบู๊เจ็ดดาว
ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของตระกูลอานนั้นไม่ธรรมดาจริงๆ การจัดบอดี้การ์ดแบบนี้ถือเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดที่เย่เฉินเคยพบมา
ในเวลานี้ เย่เฉินได้รับข้อความจากเฉินตัวตัว ในนั้นข้อความมีห้าคำ หลี่ญ่าหลินอยู่ด้วย
เย่เฉินตะลึงไปเล็กน้อย ไม่คาดคิดว่าหลี่ญ่าหลินเองก็มาด้วย
เดิมที ครอบครัวของคุณยายไม่ได้พบเขามากว่า 20 ปีแล้ว แต่ว่า หลี่ญ่าหลินนั้นเพิ่งพบเขาไปเมื่อสองสามวันก่อน
เรื่องนี้ทำให้เย่เฉินระมัดระวังมากขึ้นเช่นกัน ตราบใดที่การแสดงยังไม่จบลง อย่างนั้นเขาก็ต้องไม่ออกจากประตูนี้ไปหากไม่จำเป็น
ในห้องข้างๆ
คุณท่านใหญ่และนายหญิงใหญ่นั่งอยู่บนโซฟา ส่วนอานโฉงชิวและภรรยาของเขาอยู่ถัดจากคู่สามีภรรยาสูงวัย ตรงข้ามกับพวกเขาคืออานข่ายเฟิง อานจาวหนานและน้าสาวของเย่เฉิน อานโยวโยว
ส่วนหลี่ญ่าหลิน เขากลับตรงไปที่บาร์และเทวิสกี้แก้วหนึ่ง ก่อนจะนั่งบนเก้าอี้บาร์และดื่มคนเดียว
นอกจากพี่น้องสี่คนของตระกูลอานและน้าสะใภ้สามคนของเย่เฉิน วันนี้ผู้ที่มาด้วยยังมีลูกชายสองคนของอานข่ายเฟิง และลูกสาวคนโตของจาวหนาน รวมถึงลูกสาวอายุ 12 ขวบเพียงคนเดียวของอานโยวโยว