ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4311 ขอบพระคุณสำหรับบุญคุณของผู้มีพระคุณ!
บทที่ 4311 ขอบพระคุณสำหรับบุญคุณของผู้มีพระคุณ!
อานฉีซานรีบพูด “ผู้มีพระคุณ! วันนี้คุณช่วยชีวิตคนตระกูลอานทั้งเด็กชราไปกว่าสิบ โปรดให้โอกาสฉันตอบแทนบุญคุณของคุณอีกครั้ง!”
ในตำราเก้าเสวียนเทียนได้บันทึกเกี่ยวกับเม็ดยาที่สามารถสร้างอวัยวะใหม่ได้เอาไว้อย่างชัดเจน
ระดับของเม็ดยานี้สูงกว่ายาเสริมชี่ปราณไปอีก
แต่ยกเว้นสมองแล้วมันสามารถฟื้นฟูการเจริญเติบโตของอวัยวะทั้งหมดได้
ขอแค่สามารถกลั่นยานี้ออกมาได้สำเร็จ อย่างนั้นก็จะสามารถทำให้ขาและเท้าที่ขาดของนางาฮิโกะ อิโตะโตขึ้นได้อีกครั้งและฟื้นตัวกลับมาอย่างสมบูรณ์เหมือนแต่เดิม
ดังนั้น หากมียาตัวนี้ ร่างกายของหลี่ญ่าหลินเองก็จะสามารถเกิดใหม่ได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ร่างกายของหลี่ญ่าหลินได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง และสมองของเขาเองก็กำลังจะตายลงภายในไม่กี่นาทีเช่นกัน
“ผมอยากยืนยันสถานการณ์ของเพื่อนคนหนึ่งของผม เขาเพิ่งออกจากที่นี่ไปก่อนเกิดอุบัติเหตุ… โทรศัพท์มือถือของผมไม่รู้ทำไมถึงไม่มีสัญญาณ
แม้กระทั่ง 911 ก็โทรไม่ได้ด้วยซ้ำ…”
เย่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยและรู้ว่าเขาเพื่อนคนหนึ่งที่เอ่ยถึงจะต้องเป็นหลี่ญ่าหลิน ดังนั้นเขาจึงปล่อยพลังทิพย์ของตนออกไป และหลังจากการค้นหาเล็กน้อย เขาก็พบสถานการณ์ของหลี่ญ่าหลิน
อีกทั้งหลี่ญ่าหลินก็ไม่เหมือนนางาฮิโกะ อิโตะ แม้ว่าขาของเขาจะถูกตัดไป แต่เขายังสามารถนั่งรถเข็นใช้ชีวิตต่อไปได้จนกว่ายานี้จะได้รับการกลั่นออกมาโดยตนเอง
ดังนั้น หากต้องการช่วยหลี่ญ่าหลินจริงๆ ก็ได้แต่ต้องใช้พลังทิพย์ปกป้องสมองรวมถึงร่างกายที่ถูกทำลายอย่างรุนแรงของเขาเอาไว้ก่อน เพื่อให้สมองของเขาสามารถอยู่รอดต่อไปได้เสมอและร่างกายของเขาจะไม่เน่าเปื่อย
ด้วยวิธีนี้ ก็จะสามารถรักษาสภาพร่างกายในปัจจุบันของเขาได้
ร่างกายของเขาได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง อวัยวะสำคัญมากมายภายในร่างกายรวมทั้งหัวใจถูกทำลายไปอย่างสมบูรณ์
อย่าว่าแต่ยาอายุวัฒนะ ต่อให้เย่เฉินจะหยิบยาเสริมชี่ปราณออกมา
แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตเขาได้
อย่างไรก็ตาม พลังทิพย์ของเย่เฉินเองก็ใช่ว่าจะไม่มีที่สิ้นสุด
อานโฉงคนคนนี้วเสียใจอย่างยิ่งและโพล่งออกมา “เขา…ลูกสาวของเขาเพิ่งตั้งท้อง…ภรรยาและลูกๆ ของเขากำลังรอเขาอยู่…
เขาจะตายได้ยังไง…”
บางทีนี่อาจเป็นชะตากรรมหายนะของหลี่ญ่าหลิน
พูดจบ จิตวิญญาณของเขา ก็คล้ายจะสูญเสียไปกว่าครึ่งในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงบทสนทนาที่ตนได้ยินการสนทนาระหว่างหลี่ญ่าหลินกับคุณตาในห้องก่อนหน้านี้ ในใจของเย่เฉินก็อดรู้สึกเสียดายไม่ได้
เย่เฉินเองก็รู้สึกเสียใจกับการเสียชีวิตของหลี่ญ่าหลินอยู่บ้างเช่นกัน
ในเวลานี้เอง จู่ๆสมองของเย่เฉินก็นึกถึงแผนการที่เป็นไปได้อย่างมากขึ้นมาได้
แม้ว่าบุคคลผู้นี้จะตามตรวจสอบสำนักว่านหลงมาโดยตลอด
แต่นั่นก็เป็นหน้าที่ที่เขาต้องรับผิดชอบ อีกทั้งเขาก็เป็นตำรวจมาหลายปีแล้ว ชื่อเสียงดีอย่างมาก
ดังนั้นเขาไม่ควรลงเอยแบบนี้
แม้ว่าแผนนี้ออกจะรุนแรง เสี่ยง และเหนือจินตนาการไปอยู่บ้าง แต่มันก็สามารถเหลือทางรอดชีวิตไว้ให้หลี่ญ่าหลินได้!
เพียงแต่ คนตายก็เหมือนตะเกียงดับ
เรื่องมาถึง ณ
จุดนี้ ซึ่งเกินความสามารถของเย่เฉินไปแล้ว
แม้ว่าเขาต้องการช่วยหลี่ญ่าหลินแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน
เย่เฉินพูดเสียงเรียบ “คุณไม่ต้องกังวล ผมจะจัดการเอง”
พูดจบ เขาก็นึกอะไรขึ้นได้และเปิดปากพูดกับอานโฉงชิวว่า
อย่างไรก็ตาม
ในใจของเขารู้ดีว่าสถานการณ์ปัจจุบันอยู่นอกเหนือการควบคุมของเขาโดยสิ้นเชิง!!
เขาเองก็ไม่ใช่เด็กอายุ 3 ขวบ หรือทารกยักษ์ที่ไม่เคยถูกสังคมทุบตี
เขาเองก็ไม่ใช่เด็กอายุ 3 ขวบ หรือทารกยักษ์ที่ไม่เคยถูกสังคมทุบตี
เย่เฉินเอ่ยเสียงเรียบว่า “บอกว่าเขาหายตัวไป บอกว่าเขาหนีไปกับใครสักคน
หรือว่าเขาโดดลงทะเลไปก็ได้ สรุปก็คืออย่าบอกใครว่าเขาตายที่นี่ในคืนนี้! ส่วนภรรยาและลูก ๆ
ของเขาจะเชื่อหรือไม่ นั่นเป็นปัญหาของคุณ คุณไปคิดหาทางเอาเอง!”
คำสั่งที่เย็นชาของเย่เฉิน ทำให้อานโฉงชิวรู้สึกเศร้าใจอยู่ลึกๆ
เย่เฉินส่ายหัว “ไม่จำเป็นต้องตอบบุญคุณหรอก ทุกคนล้วนเป็นลูกหลานชาวหัวเซี่ย ผมเองก็แค่ผ่านทางมาเจอกับความไม่ยุติธรรมจึงยื่นมือเข้าช่วยเหลือก็เท่านั้น
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน อานฉีซานก็ตระหนักว่าเขาไม่ควรไล่ถามคำถามต่อไปอย่างไม่เหมาะสมต่อเวลาอีก ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงกล่าวอย่างซาบซึ้งว่า “อย่างนั้นฉันก็ขอเป็นตัวแทนของคนตระกูลอานทุกคนขอบพระคุณสำหรับบุญคุณของผู้มีพระคุณ!”
เย่เฉินรีบพูดขึ้น “ไม่ต้อง! พวกคุณส่วนใหญ่ล้วนอายุมากพอจะเป็นผู้อาวุโสของผมได้แล้ว ดังนั้นอย่าได้ทำให้ผมต้องอายุสั้นเลย”
อานโฉงชิวคิดอะไรบางอย่างได้และรีบถามว่า “ผู้มีพระคุณ ฉันขอถือวิสาสะถามอะไรคุณหน่อย…”
เย่เฉินกล่าวเรียบๆ “คุณพูดเถอะ”
อานโฉงชิวรีบพูดขึ้น
ในเวลานี้ หลี่ญ่าหลินหมดหนทางรอดแล้ว
แม้ว่าจะเป็นเวลาเพียงสองหรือสามนาทีนับตั้งแต่เขาถูกยิง แต่ตอนนี้เย่เฉินก็ไม่สามารถทำอะไรได้
ดังนั้น เย่เฉินจึงพูดเรียบๆ
ว่า “ไม่จำเป็นต้องยืนยัน
เขาตายแล้ว”
“อะไรนะ…”
เย่เฉินพูดอย่างจริงจัง “เขาตายไปแล้วจริงๆ”
อานฉีซานเองก็น้ำตาไหลเป็นสายและเอ่ยสะอื้นไห้ “เป็นฉันที่ทำร้ายญ่าหลิน…เป็นฉันทำร้ายเขา…ฉันจะอธิบายให้แม่ลูกกำพร้าของเขาฟังได้อย่างไร…ฉันจะอธิบายให้พี่ชายที่สนิทของฉันที่ตายไปหลายปีแล้วได้อย่างไร.. .”
พูดได้เพียงว่า นี่คือภัยพิบัติที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ของหลี่ญ่าหลิน
แต่ในเวลานี้เอง เย่เฉินรู้สึกขึ้นมารางๆว่า ร่างกายของหลี่ญ่าหลินดูเหมือนจะมีความผันผวนอยู่บ้าง
ดังนั้น เย่เฉินจึงรีบปล่อยพลังทิพย์เพิ่มขึ้นทันทีเพื่อตรวจสอบ จากนั้นเขาก็ต้องรู้สึกประหลาดใจที่พบว่าสมองของหลี่ญ่าหลินยังไม่ตายอย่างสมบูรณ์ในเวลานี้
บางทีอาจเป็นเวลาสองหรือสามนาทีที่ไม่ได้ทำให้สมองของหลี่ญ่าหลินขาดออกซิเจนอย่างสมบูรณ์ หรือบางทีอาจเป็นเพราะความหวังที่จะอยู่รอดของหลี่ญ่าหลินนั้นรุนแรงเกินไป จนทำให้สมองของเขายังคงมีอยู่จนถึงตอนนี้
สรุปก็คือ สมองของเขา ยังคงรักษาโอกาสรอดชีวิตครั้งสุดท้ายอยู่
อย่างไรก็ตาม ร่างกายของเขาถูกทำลายไปเกือบหมดแล้ว และเย่เฉินเองก็ไม่มีความสามารถที่จะทำให้เขาฟื้นคืนชีพได้
ทันใดนั้น ก็มีความคิดแวบเข้ามาในใจของเย่เฉิน
ในตอนแรก นางาฮิโกะ
เย่เฉินเองก็รู้สึกเสียดายแทนเขาด้วยเช่นกัน
อิโตะบิดาของอิโตะ นานาโกะ หลังจากการตัดขาทั้งสองข้างไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม เสียดายก็เป็นเรื่องน่าเสียดาย แต่เย่เฉินก็ไม่สามารถทำให้ขาที่หักไปของเขาเติบโตขึ้นมาอีกได้
–
ขาที่ถูกตัดขาดไม่สามารถเติบโตได้อีก อย่างนั้นอวัยวะอื่นๆ ที่ถูกทำลายไปโดยสมบูรณ์แล้ว ก็ไม่สามารถสร้างขึ้นใหม่ได้ด้วยเช่นกัน