ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4312 ชะตากรรมหายนะ
บทที่ 4312 ชะตากรรมหายนะ
แต่ว่า!
ในตำราเก้าเสวียนเทียนได้บันทึกเกี่ยวกับเม็ดยาที่สามารถสร้างอวัยวะใหม่ได้เอาไว้อย่างชัดเจน
ระดับของเม็ดยานี้สูงกว่ายาเสริมชี่ปราณไปอีก
แต่ยกเว้นสมองแล้วมันสามารถฟื้นฟูการเจริญเติบโตของอวัยวะทั้งหมดได้
ขอแค่สามารถกลั่นยานี้ออกมาได้สำเร็จ อย่างนั้นก็จะสามารถทำให้ขาและเท้าที่ขาดของนางาฮิโกะ อิโตะโตขึ้นได้อีกครั้งและฟื้นตัวกลับมาอย่างสมบูรณ์เหมือนแต่เดิม
ดังนั้น หากมียาตัวนี้ ร่างกายของหลี่ญ่าหลินเองก็จะสามารถเกิดใหม่ได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ร่างกายของหลี่ญ่าหลินได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง และสมองของเขาเองก็กำลังจะตายลงภายในไม่กี่นาทีเช่นกัน
ในเวลาไม่กี่นาที ไม่ว่าจะอย่างไรเย่เฉินก็ไม่สามารถกลั่นยานั้นออกมาได้
อย่าว่าแต่พลังของเขาที่ไม่แข็งแกร่งพอในตอนนี้ แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งพอ ก็ยังไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการรวบรวมสมุนไพรทั้งหมด
อีกทั้งหลี่ญ่าหลินก็ไม่เหมือนนางาฮิโกะ อิโตะ แม้ว่าขาของเขาจะถูกตัดไป แต่เขายังสามารถนั่งรถเข็นใช้ชีวิตต่อไปได้จนกว่ายานี้จะได้รับการกลั่นออกมาโดยตนเอง
ดังนั้น หากต้องการช่วยหลี่ญ่าหลินจริงๆ ก็ได้แต่ต้องใช้พลังทิพย์ปกป้องสมองรวมถึงร่างกายที่ถูกทำลายอย่างรุนแรงของเขาเอาไว้ก่อน เพื่อให้สมองของเขาสามารถอยู่รอดต่อไปได้เสมอและร่างกายของเขาจะไม่เน่าเปื่อย
ด้วยวิธีนี้ ก็จะสามารถรักษาสภาพร่างกายในปัจจุบันของเขาได้
อย่างไรก็ตาม พลังทิพย์ของเย่เฉินเองก็ใช่ว่าจะไม่มีที่สิ้นสุด
การรักษาร่างกายที่แตกสลายนั้นแทบจะเป็นดั่งหลุมที่ไร้ก้นบึ้ง การรักษาวันสองวัน เดือนสองเดือนอาจจะพอทำได้ แต่ถ้าจะต้องรักษาไว้เป็นปีสองปีหรือนานกว่านั้น เย่เฉินเองก็ทำไม่ได้
เว้นเสียแต่ว่าตนจะปกป้องร่างของเขาเอาไว้ทั้งวัน จากนั้นก็เติมพลังทิพย์เข้าไปให้เขาทุกๆสองสามวัน ไม่อย่างนั้นเขาก็จะไม่สามารถอยู่รอดได้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในใจของเย่เฉินก็เกือบจะยอมแพ้
บางทีนี่อาจเป็นชะตากรรมหายนะของหลี่ญ่าหลิน
อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงบทสนทนาที่ตนได้ยินการสนทนาระหว่างหลี่ญ่าหลินกับคุณตาในห้องก่อนหน้านี้ ในใจของเย่เฉินก็อดรู้สึกเสียดายไม่ได้
ในเวลานี้เอง จู่ๆสมองของเย่เฉินก็นึกถึงแผนการที่เป็นไปได้อย่างมากขึ้นมาได้
แม้ว่าแผนนี้ออกจะรุนแรง เสี่ยง และเหนือจินตนาการไปอยู่บ้าง แต่มันก็สามารถเหลือทางรอดชีวิตไว้ให้หลี่ญ่าหลินได้!
ดังนั้น เขาจึงชะงักไปเล็กน้อยและพูดกับคนตระกูลอานว่า “สถานการณ์ภายนอกเปื้อนเลือดมากเกินไป พวกคุณต้องไม่ออกจากประตูนี้ก่อนการแสดงจบ! นอกจากนี้ หลังออกจากประตูนี้ไปแล้วอย่าได้บอกใครก็ตามเกี่ยวกับเรื่องในวันนี้!”
ในเวลานี้ อานข่ายเฟิงงุนงงอย่างยิ่งและกล่าวว่า “ผู้มีพระคุณ คืนนี้มีคนตายมากมาย อีกทั้งยังมีนักสืบชาวจีนผู้โด่งดัง…เรื่องนี้จะปกปิดได้ยังไง…”
เย่เฉินพูดเสียงเรียบ “คุณไม่ต้องกังวล ผมจะจัดการเอง”
พูดจบ เขาก็นึกอะไรขึ้นได้และเปิดปากพูดกับอานโฉงชิวว่า “ศพของเพื่อนคุณคนนั้น ผมจะให้คนเอาไปฝัง แต่พวกคุณยังไม่สามารถเปิดเผยข่าวการเสียชีวิตของเขาได้ อย่างน้อยในตอนนี้ก็ยังไม่ถึงเวลานั้น”
อานโฉงชิวพูดอย่างไม่รู้ตัวว่า “ยังไงผมก็ต้องมีคำอธิบายให้ภรรยาและลูก ๆ ของเขาฟัง…”
เย่เฉินเอ่ยเสียงเรียบว่า “บอกว่าเขาหายตัวไป บอกว่าเขาหนีไปกับใครสักคน หรือว่าเขาโดดลงทะเลไปก็ได้ สรุปก็คืออย่าบอกใครว่าเขาตายที่นี่ในคืนนี้! ส่วนภรรยาและลูก ๆของเขาจะเชื่อหรือไม่ นั่นเป็นปัญหาของคุณ คุณไปคิดหาทางเอาเอง!”
คำสั่งที่เย็นชาของเย่เฉิน ทำให้อานโฉงชิวรู้สึกเศร้าใจอยู่ลึกๆ
หลี่ญ่าหลินเป็นพี่น้องที่ดีที่เติบโตมากับเขา มาวันนี้พี่น้องที่แสนดีของเขาต้องตายลงเพราะครอบครัวของเขาเอง แต่เขากลับไม่สามารถแม้แต่จะบอกข่าวการตายของอีกฝ่ายให้ครอบครัวฟังด้วยซ้ำ แล้วในใจของเขาจะรับไหวได้อย่างไร
อย่างไรก็ตาม เขาเองก็ไม่ใช่เด็กอายุ 3 ขวบ หรือทารกยักษ์ที่ไม่เคยถูกสังคมทุบตี ในใจของเขารู้ดีว่าสถานการณ์ปัจจุบันอยู่นอกเหนือการควบคุมของเขาโดยสิ้นเชิง