ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4327 น่าเศร้าอย่างยิ่ง
บทที่ 4327 น่าเศร้าอย่างยิ่ง
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เย่เฉินก็ชะงักไปเล็กน้อยและพูดต่อว่า “ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันพูดนั้นค่อนข้างไร้มนุษยธรรมและถึงขั้นโหดร้ายอยู่บ้าง
พวกเขาก็เสมือนกับการตีหินด้วยไข่ ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดคือรับเงินชดเชยก้อนโตไปแล้วใช้ชีวิตให้ดีๆ สำหรับเรื่องที่พวกเขาคิดจะแสวงหาความยุติธรรมนั้น ฉันเชื่อว่าคนในตระกูลอานจะต้องคืนมันให้กับพวกเขาในอนาคตแน่ ถ้าตระกูลอานไม่มีความสามารถนี้ ฉันเย่เฉินก็เป็นคนทวงคืนให้พวกเขาเอง!”
แต่นี่เป็นเรื่องจริงที่สุด สำหรับพวกเขาแล้ว ฆาตกรนั้นแข็งแกร่งเกินไป
เย่เฉินในตอนนี้มีน้ำเสียงที่เด็ดขาดและทัศนคติแน่วแน่ ในสายตาของเฉินตัวตัวนี่ทำให้ในใจของเธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชมเขา
ในเวลานี้เอง
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เฉิน ก็ทำให้เธอมีกำลังใจขึ้นมามาก จากนั้นเธอจึงรีบพูดว่า “ตกลงคุณเย่ หลังจากการแสดงจบลง
ฉันจะไปคุยกับครอบครัวของพวกเขา…”
เย่เฉินพยักหน้าและเอ่ยอย่างจริงจัง “นอกจากนี้
ศพของเหยื่อก็สามารถถูกนำกลับไปและฝังได้อย่างอิสระ หากมีเจ้าหน้าที่ในประเทศอยู่ด้วย ก็จ่ายเงินเพื่อช่วยพวกเขาขนส่งศพหรือกระดูกกลับประเทศไป หากครอบครัวของพวกเขาเต็มใจที่จะมาอเมริกา อย่างนั้นก็จงออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดและให้ญาติของพวกเขามารับศพไป
ถึงเวลานั้นเธอช่วยบอกพวกเขาแทนฉัน พวกเขาสามารถเอาเงินไปก่อนได้ หากภายในสามปีนี้ไม่มีความจริงให้แก่พวกเขา พวกเขาก็สามารถประกาศเรื่องนี้ออกไปทั่วโลกได้เลย!”
“ตกลงค่ะ!” เฉินตัวตัวตอบรับโดยไม่ต้องคิดเลยสักนิด “คุณเย่ไม่ต้องกังวล ฉันจะชี้แจงให้ครอบครัวของเหยื่อทุกคนเข้าใจอย่างชัดเจน!”
“ดี”
จากนั้นก็พูดกับพวกเขาว่า “เรื่องที่เหลือต้องรบกวนทุกท่านจัดการแล้ว ฉันขอตัวกลับไปที่ห้องก่อน”
เย่เฉินพยักหน้า เขามองไปที่เฟ่ยเข่อซินและหยวนจื่อซู
หลังจากพูดจบ เย่เฉินก็ประสานมือทักทายให้คนทั้งสอง จากนั้นก็หันหลังเดินกลับไป
เมื่อเย่เฉินกลับมาที่ห้อง ผ่านด้านนอกหน้าต่าง
ส่วนเซียวชูหรันก็กำลังนอนหลับสบายอยู่บนโซฟาข้างๆ เขา
การแสดงของกู้ชิวอี้ยังคงดำเนินต่อไป
เย่เฉินไม่ได้รีบปลุกเซียวชูหรัน แต่ค่อยๆ
ประคองเธอขึ้นมาและปล่อยให้เธอพิงบนไหล่ของตน จากนั้นก็นั่งนิ่งบนโซฟา
ด้านหนึ่งมองไปยังกู้ชิวอี๋บนเวที อีกด้านหนึ่งใช้พลังทิพย์สัมผัสถึงสถานการณ์ในห้องถัดไป
ในเวลานี้ อารมณ์ของคนในตระกูลอานได้มาถึงจุดต่ำสุดแล้ว
ทุกคนล้วนเศร้าใจและหดหู่มาก
คนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คืออานจาวหนานน้าสามของเย่เฉิน
เขาคิดไม่ออกเลยว่า ทำไมภรรยาของตนถึงได้กลายไปเป็นสมาชิกของโจร
โลกทัศน์เกี่ยวกับครอบครัวและความรักของเขา ได้พังทลายลงไปแล้วในเวลานี้
ลูกสาวของเขา ยังคงจมอยู่ในอารมณ์เรื่องการตายของแม่ของเธอ โชคดีที่อานโยวโยวอาสาวของเธอกอดเธอไว้ในอ้อมแขนและคอยปลอบโยนเธอ
ส่วนอานข่ายเฟิงซึ่งนิสัยคล้ายกับคุณท่านใหญ่มากที่สุด ในเวลานี้กำลังกำหมัดแน่นและร่างกายของเขาก็สั่นเทาอย่างรุนแรง
หลังจากเงียบไปนาน
คืนนี้น่าจะเป็นครั้งแรกในรอบสิบปีหรือยี่สิบปีที่พวกเราทั้งตระกูลอานมารวมตัวกันอย่างสมบูรณ์นอกบ้านของเรา ยกเว้นเขาตนนั้นที่ไม่ได้มา เกือบทุกคนก็ล้วนอยู่ที่นี่แล้ว…”
เขาก็เปิดปากพูดกับฝูงชนว่า “เมื่อครู่นี้ฉันลองคิดให้รอบคอบอีกครั้ง
คุณท่านใหญ่พยักหน้าเบา ๆ และถอนหายใจ
2 ลำ ก็เพราะกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุกับทั้งตระกูล แต่คราวนี้ช่างประมาทไปแล้วจริงๆ…”
“เมื่อเรามาที่นี่ พวกเราก็ต้องนั่งเครื่องบินแยก
นายหญิงใหญ่ด้านหนึ่งร้องไห้ไป อีกด้านก็ตำหนิตัวเองว่า “เป็นความผิดของฉันเอง…เป็นฉันที่เสนอให้มาให้กำลังใจหนานหนาน เพราะเธอมีบุญคุณกับพวกเรา…”