ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4387 สั่งสอนให้เป็นผู้เป็นคน
ยังไงเสีย ตอนนั้นเขารับปากกับพ่อของตนเอาไว้ว่าจะไม่ตามเอาเรื่องเฉินจ้างโจงอีกต่อไป แต่หลังจากที่พ่อของตนเสียชีวิต อีกฝ่ายก็โยนคำสัญญาทิ้งไปทันที
คนแบบนี้ ในสายตาของเย่เฉิน ไม่ควรค่าแก่ความเคารพใดๆ
ตรงกันข้าม เขายังจะต้องการให้อีกฝ่ายชดใช้ราคาสำหรับการทรยศต่อคำสัญญาในตอนนั้นด้วย
หลิวเจียฮุยเองก็ไม่คาดคิดว่า เย่เฉินจะกล้าหยิ่งยโสต่อหน้าเขาขนาดนี้ ในใจก็เกิดความโกรธขึ้นมาโดยธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เฮ่อจือชิวพูดว่าเย่เฉินกับซูจือหยูและอิโตะ นานาโกะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันอย่างมาก เขาก็จึงทำได้เพียงระงับความโกรธในใจเอาไว้ชั่วคราวเท่านั้น
หลังจากจับมือกันชั่วครู่ เขาก็ชี้ไปที่ฟางเจียซินที่อยู่ข้างๆ และพูดกับเย่เฉินว่า “คุณเย่ นี่คือภรรยาของผม ฟางเจียซิน”
แม้ว่าฟางเจียซินจะไม่ค่อยพอใจกับการมาที่สนามบินเพื่อพบกับเย่เฉินด้วยตนเองและที่เย่เฉินก็ไม่ให้เกียรติสามีของตนอยู่บ้าง แต่ในเมื่อสามีของเธอทนได้ อย่างนั้นเธอก็ทำได้เพียงฝืนยิ้มและพูดว่า “สวัสดี คุณเย่”
เย่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย เขายิ้มและพูดว่า “ได้ยินมานานแล้วว่าคุณนายหลิวงามล้ำเหนือเกาะฮ่องกาง แม้ว่าคุณนายหลิวจะสวมแว่นกันแดดและหน้ากาก แต่ก็ยังยากที่จะซ่อนสไตล์ของเธอ!”
เมื่อได้ยินคำชมของเย่เฉิน ฟางเจียซินก็รู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อยและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณเย่ชมเกินไปแล้ว”
หลิวเจียฮุยที่อยู่ข้างๆอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เจียซิน รีบถอดแว่นกันแดดและหน้ากากออกเร็ว เป็นแบบนี้ต่อหน้าแขกได้ยังไงกัน!”
ฟางเจียซินถอดแว่นกันแดดและหน้ากากออกอย่างรวดเร็ว และพูดกับเย่เฉินด้วยสีหน้าขอโทษ “ขอโทษค่ะคุณเย่ เมื่อครู่ฉันเสียมารยาทไปหน่อย”
เมื่อเห็นใบหน้าที่แท้จริงของฟางเจียซิน เย่เฉินอดไม่ได้ที่จะถอดถอนใจ “ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าทำไมลุงโจงถึงเต็มใจที่จะอยู่ในสหรัฐอเมริกาอย่างผิดกฎหมายเพื่อฟางเจียซินเป็นเวลาหลายปี ผู้หญิงแบบนี้ ถึงจะเป็นสาวรุ่นแม่แล้วแต่ก็ยังคงมีเสน่ห์อยู่! ทั้งหน้าตา ผิวพรรณ รูปร่าง บุคลิกล้วนแทบจะไม่มีที่ติใดๆ และดูราวกับว่าเธอเพิ่งจะอายุสามสิบเท่านั้น จินตนาการออกได้เลยว่ายามเธอยังเยาว์วัยจะต้องยิ่งเหนือบรรยายกว่านี้”
ดังนั้น เย่เฉินจึงจงใจพูดติดตลกว่า “ก่อนที่ฉันจะมา ฉันได้ยินข่าวลือมากมายเกี่ยวเรื่องตำนวนของคุณนายหลิวในอดีต อีกทั้งก่อนจะลงจากเครื่องบินฉันเองก็สงสัยเกี่ยวกับข่าวลือเหล่านี้อยู่เลย มาวันนี้เมื่อได้เห็นตัวจริงของคุณนายหลิว ความสงสัยในใจของฉันก็หายไปหมดแล้ว!”
สีหน้าของฟางเจียซินก็ดูอึดอัดขึ้นมาอยู่บ้างทันที
ส่วนหลิวเจียฮุยที่อยู่ข้างๆ กล้ามเนื้อบนใบหน้าเขากำลังสูบฉีดขึ้นมาหลายครั้ง
แม้ว่าเย่เฉินจะพูดอย่างคลุมเครือ แต่จริงๆ แล้วเขาก็แค่อยากจะพากพิงถึงสองคนนี้
แม้ว่าเย่เฉินไม่ได้พูดเฉพาะเจาะจงอะไรเกี่ยวกับการกระทำเฉพาะของฟางเจียซิน แต่ทั้งสองสามีภรรยาต่างก็นึกถึงการหนีตามกันไปของฟางเจียซินกับเฉินจ้างโจง
หลายปีที่ผ่านมา เรื่องนี้เป็นจุดอ่อนของฟางเจียซินต่อหน้าหลิวเจียฮุยมาโดยตลอด อีกทั้งก็ยังเป็นหนามตำใจของหลิวเจียฮุยด้วย
เย่เฉินที่เอ่ยถึงเรื่องนี้อย่างอ้อมๆ ทำให้ทั้งคู่รู้สึกอึดอัดมาก
และสาเหตุที่เย่เฉินกล่าวแบบนี้ ทั้งหมดก็ล้วนเป็นความตั้งใจของเขาทั้งสิ้น
เขาแค่อยากจะดูว่าหลิวเจียฮุย มีความอดทนมากแค่ไหนต่อหน้าเขา
ตอนนี้ตนก็แค่ยั่วยุเขาเพียงเล็กน้อย ถ้าเขาสามารถทนได้ จากนี้ไปก็ยังมีการยั่วยุที่ใหญ่กว่ารอเขาอยู่
ถ้าหลิวเจียฮุยกล้าพลิกสีหน้าใส่เขา อย่างนั้นก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่สุด
ดังนั้น เย่เฉินจึงจงใจพูดติดตลกว่า “ก่อนที่ฉันจะมา ฉันได้ยินข่าวลือมากมายเกี่ยวเรื่องตำนวนของคุณนายหลิวในอดีต อีกทั้งก่อนจะลงจากเครื่องบินฉันเองก็สงสัยเกี่ยวกับข่าวลือเหล่านี้อยู่เลย มาวันนี้เมื่อได้เห็นตัวจริงของคุณนายหลิว ความสงสัยในใจของฉันก็หายไปหมดแล้ว!”
นั่นเพราะว่า ครั้งนี้ที่เย่เฉินบินมาไกลจากอเมริกา ก็เพื่อสั่งสอนให้เขาเป็นผู้เป็นคน
นอกจากนี้ เย่เฉินยังต้องการใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ แม้ว่าหลิวเจียฮุยจะเหยียบเท้าของเย่เฉินโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เย่เฉินก็จะใช้เรื่องนี้เพื่อถลกหนังเขา
อย่างไรก็ตาม หลิวเจียฮุยไหนเลยจะรู้ว่า เย่เฉินนั้นไม่ใช่เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งที่จะมาให้ความร่วมมือกับเขา แต่เป็นดาวเคราะห์ที่จะมาถลกหนังเขาต่างหาก