ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4394 เว้นแต่ว่าจะอดไม่ได้แล้ว
ห่านย่าง เฉินจี้ เป็นร้านห่านย่างที่ตอนนั้นเปิดโดยพ่อของเฉินจ้างโจงบนเกาะฮ่องกาง
ชายชราทำงานหนักมาหลายสิบปี และทำให้ห่านย่างเฉินจี้กลายเป็นแบรนด์ห่านย่างที่โด่งดังที่สุดบนเกาะฮ่องกาง และยังติดอันดับร้านอาหารมิชลินราคาไม่แพงบนเกาะฮ่องกางมาหลายปีติดต่อกันซึ่งโด่งดังอย่างมากในฮ่องกาง
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เฉิน หลิวเจียฮุยก็แทบอดไม่ได้ที่จะตบปากตัวเองครั้งใหญ่สักสองฉาด ในใจอดด่าตัวเองไม่ได้ “เวรเอ๊ย! ปากฉันมันเปราะจริงๆ! อยู่ดีๆจะไปถามถึงชื่อร้านทำไมกัน…”
สีหน้าของฟางเจียซินยิ่งมีความอึดอัดและแฝงด้วยความกลัวเล็กน้อย
เย่เฉินพูดถึงห่านย่างก็แล้วไป แต่เขากลับดันพูดถึงห่านย่างเฉินจี้ขึ้นมา แบบนี้เท่ากับตบหน้าตัวเองกับหลิวเจียฮุยด้วยปากฉาดใหญ่เลยไม่ใช่หรือไง?
เมื่อเห็นการแสดงออกของพวกเขาชะงักไป หลิวม่านฉงที่นั่งตรงข้ามเย่เฉินด้วยใบหน้าที่เย็นชามาตลอด ทันใดนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา
หลิวเจียฮุยหันไปจ้อง หลิวม่านฉงทันทีและถามอย่างโกรธเคือง “มีอะไรน่าตลก?!”
หลิวม่านฉงยักไหล่ “เดิมก็ไม่มีอะไรให้ตลกเลย แต่ปฏิกิริยาของพวกคุณน่าตลกเกินไป คนเขาก็แค่อยากจะกินห่านย่าง ทำไมพวกคุณจะต้องตอบสนองรุนแรงแบบนั้นด้วย?
หลิวเจียฮุยพูดอย่างโกรธเคือง “คุณเย่ไม่รู้สาเหตุ แต่แกก็ไม่รู้ด้วยหรือไง?”
“หนูไม่รู้นี่” หลิวม่านฉงเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ทุกวันหนูก็แค่กลับมานอน ไม่ได้ติดต่อกับพวกคุณมากนัก หนูจะไปรู้ที่มาที่ไประหว่างพ่อกับห่านย่างได้ยังไง?”
หลิวเจียฮุยโกรธเกินกว่าจะพูดออกมาได้
เขารู้ว่าลูกสาวของเขาแสร้งทำเป็นงุนงงง แต่ตัวเขาก็ไม่สามารถเอ่ยปะไรออกมาได้เช่นกัน ดังนั้นจึงหันไปหาเย่เฉินและพูดว่า “ใช่สิคุณเย่ ไม่ทราบว่าอาหารอื่นๆถูกปากคุณหรือไม่?”
หลิวเจียฮุยพูดอย่างโกรธเคือง “คุณเย่ไม่รู้สาเหตุ แต่แกก็ไม่รู้ด้วยหรือไง?”
“ก็ดี” เย่เฉินพยักหน้า เขาวางตะเกียบลง เดาะปาก ท่าทางเคร่งขรึม และเอ่ยด้วยความเสียดายเล็กน้อย “ถ้ามีห่านย่างก็จะสมบูรณ์แบบ”
เมื่อหลิวม่านฉงได้ยินแบบนั้น เธอก็อดไม่ไหวอีกต่อไปและหัวเราะออกมา
ใบหน้าที่เย็นชาและงดงามของเธอ เมื่อประดับด้วยรอยยิ้ม ก็เกิดเป็นลูกแพร์น้อยๆสองอันขึ้นมา ด้วยรูปลักษณ์ที่งดงามคลาสสิก จนเรียกได้ว่า มัจฉาจมวารี ปักษีตกนภา งามจนล่มเมือง
หลิวเจียฮุยอายจนแทบแทรกแผ่นดิน เขาจ้องไปที่ หลิวม่านฉงด้วยความโกรธและด่าเธอ “ห้ามหัวเราะ!”
“ได้ได้ได้” หลิวม่านฉงเก็บรอยยิ้มของเธอ แต่เธอยังคงมองเย่เฉินด้วยรอยยิ้มที่ยากจะเก็บซ่อนเอาไว้และถามเขาว่า “คุณเย่ คุณไม่ได้ตั้งใจพูดถึงมุขห่านย่างจริงๆหรือ?”
เย่เฉินแสร้งทำเป็นส่ายหัวอย่างงุนงงและพูดอย่างจริงจังว่า “คุณหนูหลิว ฉันไม่เข้าใจว่าคุณหมายถึงอะไร”
หลิวม่านฉงหรี่ตาที่งดงามของเธอเล็กน้อยจากนั้นก็จ้องไปที่เย่เฉินอยู่ชั่วครู่แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ทำไมฉันถึงคิดว่าคุณกำลังโกหกฉัน?”
“ฉันทำอย่างนั้นหรือ?” เย่เฉินถามอย่างเคร่งขรึม
หลิวม่านฉงพยักหน้าและพูดว่า “คุณมี”
เย่เฉินยิ้มน้อยๆและพูดว่า “ไม่ ฉันไม่มี”
หลิวม่านฉงเอ่ยบีบคั้นขึ้น “คุณมีแน่ๆ!”
พูดไป หลิวม่านฉงก็ถามเขาอีกครั้งว่า “คุณกำลังพยายามกลั้นหัวเราะอยู่ใช่ไหม?”
“เปล่านี่” เย่เฉินกล่าวว่าหนักแน่นและจริงจังว่า “ทำไมฉันต้องกลั้นยิ้มไว้ด้วย?”
หลิวม่านฉงมองไปที่เย่เฉินและพูดด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง “เพราะคุณรู้ว่าที่มาของห่านย่างคืออะไร อีกทั้งยังเป็นคุณที่เอาแต่พูดถึงมันอย่างกระตือรือร้นตลอดเวลา ดังนั้นคุณจะต้องเก็บมันไว้ในใจของคุณ แล้วในฐานะคนที่ริเริ่มอย่างคุณ จะไม่อยากหัวเราะได้ยังไงกัน?”
เย่เฉินยิ้มน้อยๆและพูดว่า “คุณหนูหลิง เรียนตามตรง ฉันได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ฉันไม่หัวเราะกับเรื่องทั่วๆไป”
พูดไป เย่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะและพูดว่า “ไม่หัวเราะกับเรื่องทั่วๆไป เว้นแต่ว่าจะอดไม่ได้แล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”