ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4395 หญิงงามย่อมเป็นที่ชมชอบของบุรุษ
จู่ๆเย่เฉินก็หัวเราะลั่นขึ้นมา จนทำทำให้หลิวเจียฮุยและฟางเจียซินมีสีหน้าตะลึงไป ในขณะเดียวกับก็มีสีหน้าโมโห
พวกเขาค่อยร็แล้วว่า ที่แท้เหตุผลที่เย่เฉินเอาแต่พูดถึงเรื่องห่านย่างนี้ไม่ใช่เพราะคิดถึงรสชาตินั้นตามที่พูดมา แต่เป็นเพราะเขาจงใจล้อเลียนเย้าแหย่พวกเขามาโดยตลอด!
อย่างไรก็ตาม หลิวม่านฉงกลับไม่แปลกใจเลยสักนิด ในทางตรงกันข้ามการที่จู่ๆเย่เฉินก็หันมาหัวเราะลั่น ทำเอาคนทั้งสองที่กำลังเผชิญหน้ากันหัวเราะไปด้วยกันโดยปริยาย
ใบหน้าของหลิวเจียฮุยยิ่งดูปั้นยากขึ้นเรื่อย ๆ ไปพร้อมๆกับเสียงหัวเราะของพวกเขา
ครู่ต่อมา เขาก็ตบโต๊ะอย่างดุเดือด จากนั้นก็มองไปที่เย่เฉินและตะคอกอย่างโกรธเคือง “คุณเย่ ตั้งแต่พวกเราพบหน้ากันมา ผมก็ปฏิบัติต่อคุณอย่างสุภาพมาตลอดและเห็นคุณเป็นแขกผู้มีเกียรติแต่ทำไมคุณถึงต้องการทำให้ผมอับอายขายหน้าขนาดนี้?!”
เย่เฉินกลับไม่ร้อนรนเลยสักนิดและพูดด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “ทำให้คุณอับอาย? คุณหลิว คุณหมายถึงอะไร? ถึงแม้ว่าที่นี่คือบ้านของคุณ แต่คุณจะมาห้ามไม่ให้ผมหัวเราะก็ออกจะไม่ควรรึเปล่า?”
หลิวเจียฮุยพูดด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ผมเชิญคุณมาที่บ้านก็เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือกับคุณ ไม่ได้ให้คุณใช้โอกาสนี้มาเยาะเย้ยผม! นี่มันช่างไร้มารยาทเกินไป!”
เย่เฉินพูดอย่างไร้เดียงสาว่า “คุณหลิว คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง? เมื่อกี้ที่ฉันหัวเราะ ก็เพราะคุณหนูหลิวเอาแต่แหย่ให้ฉันขำ พวกเราล้วนยังเด็ก เธอหัวเราฉันก็อยากหัวเราะไปด้วย นี่มีปัญหาอะไรรึเปล่า?”
หลิวเจียฮุยพูดอย่างโกรธเคือง “แต่คุณรู้ดีว่าห่านย่างมีความหมายอะไรแฝงอยู่! สิ่งที่คุณเพิ่งพูดมาเมื่อครู่ ไม่เท่ากับยอมรับว่าคุณจงใจเอ่ยถึงหรือยังไง?”
ใบหน้าของเย่เฉินเต็มไปด้วยคำสองคำ “ห่านย่างก็คือห่านย่าง มันจะมีความหมายอะไรได้นอกจากกินได้? เหตุผลที่ฉันพูดแบบนี้ไป ทั้งหมดก็เพราะฉันคิดว่าคุณหลิวจงใจแกล้งแหย่ฉันและต้องการดูว่าฉันจะสามารถกลั้นหัวเราะได้รึเปล่า ดังนั้นก็เลยอยากจะเล่นกับเธอสักหน่อย ถือเป็นการทำความรู้จักระหว่างทั้งสองฝ่ายให้มากขึ้นด้วย”
พูดจบ เย่เฉินก็มองไปที่ หลิวม่านฉงอย่างจริงจังและกล่าวว่า “หญิงสาวที่งดงามอย่างคุณหนูหลิว ทำให้เธอหัวเราะได้ ถือเป็นเกียรติของฉัน คำโบราณยังกล่าวอีกว่า หญิงงามย่อมเป็นที่ชมชอบของบุรุษ เมื่อฉันเห็นคุณหนูหลิว ก็ต้องอยากจะโชว์อะไรบ้างเป็นธรรมดา ผิดด้วยหรือไง?”
ทันทีที่เย่เฉินกล่าวแบบนี้ การแสดงออกของหลิวม่านฉงก็ดูไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย
เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าจู่ๆ เย่เฉินจะหันมาพูดเกี่ยวกับตัวเอง และในคำพูดนี้นอกจากการล้อเลียนแล้ว ยังแฝงด้วยความจริงจังอยู่หลายส่วน
ในเวลานี้หลิวเจียฮุยเองก็สับสนไปเล็กน้อยแล้วเช่นกัน
เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเย่เฉินตั้งใจจะล้อเลียนตัวเองหรือตั้งใจจะทำให้ลูกสาวของเขาพึงพอใจจริงๆ
ถ้าหากเป็นอย่างแรก อย่างั้นเขาก็คงจะเก็บอารมณ์ไม่อีกต่อไปแน่ และต้องชำระแค้นกับเย่เฉิน ไม่อย่างนั้นเขาจะมีหน้าไปสู้กับสถานะของเขาในปัจจุบันได้ยังไง? ยิ่งไปกว่านั้น ภรรยาของเขาก็นั่งอยู่ตรงข้าม ถ้าเขาถูกเยาะเย้ยต่อหน้าเธอ เขาจะเอาหน้าไปไว้ไหน?
แต่หากเป็นอย่างหลัง ทิศทางของเรื่องทั้งหมดก็สอดคล้องกับความคาดหวังของตนเอง
นั่นเพราะความคิดแต่เดิมของเขาก็คือต้องการดึงลูกสาวที่เย่อหยิ่งของตนออกมาและปล่อยให้เธอดึงดูดจิตใจของเย่เฉินออกไป จากนั้นก็ค่อยตีเหล็กในขณะยังร้อนและจัดการเรื่องความร่วมมือกับเย่เฉินให้เสร็จสิ้น
หลังจากตกลงกันได้แล้ว อาศัยนิสัยของลูกสาวตน คงจะไม่มีทางให้เย่เฉินได้มีโอกาสเอาเปรียบใดๆแน่
ด้วยวิธีนี้ เขาก็จะเป็นผู้ชนะที่ยืนหัวเราะได้จนจบ
คนอื่นล้วนบอกว่า วิธีนี้คือการจับเสือมือเปล่า
แต่ในความเห็นของหลิวเจียฮุย นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นการตกปลาด้วยเหยื่อจำลองแบบปรมาจารย์ล่อเหยื่อ
คนปกติตกปลา นอกจากอุปกรณ์ตกปลาแล้วก็ยังต้องเตรียมเหยื่อ แห และคิดหาวิธีให้ปลาในน้ำอ้าปาก เพื่อที่จะจับปลาได้หนึ่งในสี่กิโลกรัม อาจจะต้องใช้เหยื่อมากกว่าห้ากิโลด้วยซ้ำไป