ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4401 จะไม่ให้คุณเป็นอะไรไปเด็ดขาด!
ดังนั้น เย่เฉินจึงเอ่ยพูดด้วยใบหน้ารู้สึกผิดว่า “ขอโทษนะ ม่านฉงฉันผิดเอง ต่อไปนี้ถ้าเจอใครมาหาเรื่อง ฉันจะปกป้องเธอเป็นสิ่งแรก”
หลิวม่านฉงพยักหน้าอย่างพอใจ เอื้อนเอ่ยว่า “หลังจากนี้ถ้าคบกับฉัน นายห้ามทำนิสัยแต๋วแบบนี้อีก ต้องเข้มแข็ง ต้องแมนเข้าไว้!ไม่อย่างนั้นนายจะทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยได้ยังไง?”
“เธอพูดถูก” เย่เฉินเอ่ยพูดอย่างจริงจัง “ก่อนหน้านี้…..ฉันทำตัวอย่างกับตุ๊ดแต๋วจริงๆนั่นแหละ”
หลิวม่านฉงอดขำไม่ได้ จากนั้นก็พูดว่า “นายรู้ไว้ก็ดีแล้ว!”
ในตอนนี้เองเย่เฉินหอบกล่องลังไว้ใต้วงแขน แล้วเดินมาอยู่ตรงหน้าหลิวม่านฉง อาศัยช่วงที่เธอไม่ได้ตั้งตัว ยื่นมือออกไจับมือเธอเอาไว้ข้างหนึ่ง พร้อมกับจับเอาไว้แน่น เอ่ยพูดด้วยสายตาและน้ำเสียงหนักแน่น “ที่รัก ได้โปรดเชื่อในตัวผม ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ผมจะพยายามปกป้องคุณให้ดีที่สุด จะไม่ให้คุณเป็นอะไรไปเด็ดขาด!”
เมื่อมือเล็กของหลิวม่านฉงถูกเย่เฉินกอบกุมเอาไว้ ปฏิกิริยาแรกคือรู้สึกเหมือนไฟช๊อต เธอกำลังจะสะบัดออก แต่เย่เฉินจับไว้แน่น จนหลิวม่านฉงสะบัดแทบไม่หลุด
อีกอย่าง เธอเองก็ไม่กล้าชักมือกลับออกมาตรงๆด้วย
เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น กลัวก็แต่ว่าจงจื่อทาวจะดูออกว่าระหว่างสองคนเป็นแค่การแสดงเท่านั้น พอถึงตอนนั้นก็คงมีแต่เสียกับเสีย
ดังนั้น เธอจึงทำได้เพียงข่มความโกรธที่มีอยู่ในใจเอาไว้ เอ่ยพูดกับเย่เฉินว่า “ทำให้ได้อย่างที่พูดก็แล้วกัน”
พูดจบ ก็เอ่ยพูดขึ้นมาอีกว่า “เราไปกันเถอะ”
จงจื่อทาวหน้าถมึงทึง โพล่งออกไปว่า “ม่านฉง! ไอ้หมอนี่เป็นใคร?!”
หลิวม่านฉงยังคงถูกเย่เฉินจับมือเอาไว้ จึงหงุดหงิดเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงเอ่ยพูดอย่างอารมณ์ไม่ดีว่า “เมื่อกี้ไม่ได้ยินที่ฉันพูดเหรอ? เขาคือคู่หมั้นของฉันไง!”
“เป็นอย่างนั้นได้ยังไง!” ราวกับจงจื่อทาวถูกเหยียบหาง เอ่ยพูดอย่างกระหืดกระหอบว่า “อาทิตย์ก่อนพ่อผมเพิ่งไปทานข้าวกับคุณอาหลิวมานะ คุณอาหลิวบอกเองว่าเห็นด้วยถ้าเราคบกัน แถมยังบอกว่าคุณไม่ได้คบหาอยู่กับใคร บอกให้ผมพยายามเข้าไว้ นี่เพิ่งผ่านไปแค่อาทิตย์เดียว ทำไมคุณมีคู่หมั้นแล้วล่ะ?!”
หลิวม่านฉงใช้มือขวาชี้มือซ้ายที่กำลังถูกเย่เฉินกอบกุมเอาไว้ เอ่ยพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึมว่า “คุณ ก็รู้นี่ว่าฉันไม่ได้คบใคร ถ้าเขาไม่ใช่คู่หมั้นของฉัน แล้วฉันจะให้เขาจับมือฉันทำไม? ถ้าเขาไม่ใช่ป่านนี้ฉันตบหน้าเขาไปแล้ว!”
เย่เฉินรู้ว่าหลิวม่านฉงพูดคำนี้ให้เขาฟัง ดังนั้นจึงตีหน้าตึงเอ่ยพูดกับจงจื่อทาวว่า “นายหมายความว่ายังไง? คิดจะจีบคู่หมั้นฉันเหรอ? ถ้านายยังกล้าตามตอแยคู่หมั้นฉันอีกล่ะก็ นายเจอฉันต่อยแน่ระวังตัวเอาไว้!”
พูดจบ เขาก็หันไปมองหลิวม่านฉี เอ่ยถามอย่างจริงจังว่า “ที่รัก แบบนี้แมนพอหรือเปล่า?”
หลิวม่านฉงอดกลั้นแทบอยากตาย แต่กลับทำได้เพียงฝืนพูดออกไปว่า “พอแล้วๆ….อยู่ๆก็เปลี่ยนไปเร็วขนาดนี้ ฉันปรับตัวไม่ค่อยถูกเท่าไหร่…..”
จงจื่อทาวในตอนนี้ร้อนใจเป็นอย่างมาก ชี้หน้าเย่เฉินพร้อมสบถด่าออกมา “นายคิดว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหนวะ? ถึงกล้ามาพูดกับฉันอย่างนี้ นายไม่เคยได้ยินสี่มังกรแห่งเกาะฮ่องกางหรือไง?!”
เย่เฉินส่ายหน้า เอ่ยพูดด้วยสีหน้างุนงง “สี่มังกรแห่งเกาะฮ่องกางอะไร? ฉันคนพื้นที่ ไม่เห็นจะเคยได้ยิน”
“ไอ้เหี้ยนี่!”จงจื่อทาวกัดฟันกรอด “แม้แต่สี่มังกรแห่งเกาฮ่องกางยังไม่เคยได้ยิน ยังกล้ามาทำเก่งต่อหน้าฉันอีกนะ เชื่อไหมว่าฉันทำให้นายไม่มีชีวิตรอดกลับไปได้แน่!”
เย่เฉินเอ่ยถามหลิวม่านฉงด้วยสีหน้าร้อนรน “ที่รัก สี่มังกรแห่งเกาะฮ่องกางคือใครเหรอ? ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเลย?”
หลิวม่านฉงถูกเย่เฉินจับมือเอาไว้ตลอด จนเริ่มทนไม่ไหว เอื้อนเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง “ก็ยิ่งใหญ่พอสมควร พ่อของเขาคือจงหยุนชิวผู้มีอิทธิพลอันดับต้นๆในเกาะฮ่องกาง ทั้งยังมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับสำนักฮงเหมิน ประมาณว่ามีหน้ามีตาทั้งทางสายขาวและสายมืด”
เย่เฉินเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “ห๊ะ? งั้นต้องทำยังไง? ว่าที่พ่อตาพอจะจัดการให้ผมได้หรือเปล่า?”
หลิวม่านฉงส่ายหน้า “พ่อฉันพูดอะไรกับสำนักฮงเหมินไม่ได้หรอก คงขัดการอะไรไม่ได้”
ขณะที่พูด เธอก็เห็นว่าเย่เฉินดูท่าจะกลัวจริงๆ จึงเอ่ยขึ้นมาว่า “แต่ว่าถ้าคุณกลัวก็พูดออกมาตรงๆ ฉันจะได้บอกให้พ่อฉันเตรียมทางหนีออกจากเกาะฮ่องกางไว้ให้ พวกเขาไม่น่าจะกัดคุณไม่ปล่อยขนาดนั้นหรอก”