ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4402 ฉันจะขยี้นายให้แหลกหรือไม่นายก็ต้องจบเห่อยู่ดี
จงจื่อทาวได้ยินบทสนทนาของทั้งสอง จึงเอ่ยพูดเสียงเย็น “ไอ้อ่อน มาหาเรื่องฉันแล้วคิดจะหนีเหรอ? ฉันจะบอกอะไรให้นะ ถ้าวันนี้นายไม่คุกเข่าคำนับให้ฉันสามครั้งและตบหน้าตัวเองร้อยครั้ง ฉันจงจื่อทาวคนนี้ไม่ปล่อยนายไปแน่!”
เย่เฉินเงยหน้ามองจงจื่อทาว เอ่ยถามด้วยใบหน้างุนงง “นายกำลังล้อฉันเล่นหรือเปล่า?”
“ล้อเล่น?” จงจื่อทาวคิดว่าเย่เฉินจะกลัว จึงเอ่ยขึ้นมาอย่างกรุ่นโกรธ “นายคิดว่านายเป็นใคร ทำไมฉันต้องไปล้อเล่นกับคนน่าสมเพชแบบนายด้วย?!”
เมื่อหลิวม่านฉงเห็นจงจื่อทาวเผยใบหน้าดุร้ายออกมา ก็เริ่มรู้สึกว่าเริ่มเล่นแรงมากเกินไปแล้ว ดังนั้นจึงลืมสนใจเรื่องที่เย่เฉินจับมือตัวเองอยู่ รีบดึงเย่เฉินมาข้างๆ เอ่ยกระซิบว่า “ไม่ควรไปยั่วโมโหจงจื่อทาวนะ เขายิ่งเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นอยู่ คุณรีบขอโทษเขาเร็วเข้า ให้เรื่องนี้มันจบแค่นี้เถอะ ไม่อย่างนั้น แม้แต่พ่อฉันก็คงช่วยคุณไว้ไม่ได้……”
เย่เฉินจิ๊ปากอย่างห้ามไม่ได้ เลิกทำหน้ากวนโอ๊ย แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ให้ผมขอโทษตัวเหลือบไรอย่างไอ้หมอนี่เนี่ยนะ ถ้าเรื่องนี้ถูกส่งต่อออกไป หลังจากนี้ญาติผู้ใหญ่จะมองผมยังไง? หมาที่หมู่บ้านจะมองผมยังไง?”
พูดจบ เขาก็หันหน้าไปมองจงจื่อทาวที่อยู่ในรถ เก็บสีหน้าขี้เล่นแล้วเอ่ยพูดอย่างจริงจังว่า “ไอ้อ่อน ถ้าเป็นฉันเมื่อก่อนนะ การที่นายมาพูดจาใส่ฉันแบบเมื่อกี้ ฉันคงเรียกช่างคัดลายมือ มาตบหน้านายหัน แล้วราดหมึกใส่หัวนายไปแล้ว แต่นายโชคดีไป ฉันมาเกาะฮ่องกางในครั้งนี้ ไม่ได้มาเพราะอยากจะเสียเวลากับปลาเน่าอย่างนาย เพราะฉะนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อย่าให้ฉันเห็นหน้านายอีก ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ฉันจะทำให้สี่มังกรแห่งเกาะฮ่องกางอย่างนาย ได้กลายเป็นแค่หนอนตัวหนึ่งแน่!”
เมื่อหลิวม่านฉงได้ยินก็ตกใจเป็นอย่างยิ่ง คิดจะห้ามเย่เฉินก็พบว่ามันสายเกินไปแล้ว
จงจื่อทาวถูกเย่เฉินยั่วโมโหจนเดือดปุดๆ ชี้หน้าเย่เฉินแล้วเอ่ยพูดเสียงเย็นว่า “นายอยากหาเรื่องตายสินะ! รู้ไหมว่าในเกาะฮ่องกางไม่เคยมีใครกล้าพูดกับฉันแบบนี้สักคน!”
เย่เฉินขี้เกียจสนใจเขา จึงเอ่ยพูดอย่างเรียบนิ่งว่า “จำคำฉันเอาไว้อยู่ให้ห่างจากสายตาฉัน ไม่อย่างนั้นฉันจะขยี้นายให้แหลกหรือไม่นั้นนายก็ต้องจบเห่อยู่ดี”
พูดจบ เขาก็จูงมือหลิวม่านฉง หันหลังเดินออกไปจากลานจอดรถ
จงจื่อทาวไม่ได้ตามไป แต่เขากลับเลือกที่จะมองตามแผ่นหลังของเย่เฉินมองกระจกมองหลัง ล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาพร้อมกัดฟันกรอด จากนั้นก็กดโทรออกไปยังเบอร์หนึ่ง
ในตอนนี้เอง หลิวม่านฉงที่ถูกเย่เฉินลากออกมาก็รีบกระทืบเท้า หลุดปากพูดออกไปว่า “เย่เฉิน ทำไมคุณต้องไปต่อกรกับจงจื่อทาวด้วย!”
เย่เฉินย้อนถาม “คุณต้องการแบบนี้ไม่ใช่เหรอ? คุณอยากให้ผมเป็นไม้กันหมา ผมก็เป็นให้แล้วนี่ไง เป็นไงบ้าง พอใจกับผลลัพธ์ที่ได้ไหม?”
หลิวม่านฉงเอ่ยพูดว่า “ฉันให้คุณเป็นไม้กันหมา แต่ไม่ได้ให้คุณพูดจากับเขาอย่างนั้น! คุณไม่ต้องพูดอะไรแล้ว หนีไปกับฉันก็พอ ไม่เห็นต้องไปยั่วโมโหเขาเลย!เขายิ่งเจ้าคิดเจ้าแค้นอยู่ด้วย!เขาต้องมาเอาเรื่องคุณแน่ๆ!”
ขณะที่พูด ทันใดนั้นเธอก็หยุดฝีเท้า กระชากมือของเย่เฉินให้เดินออกไป เอ่ยพูดอย่างร้อนรนว่า “ไม่ได้!คุณรีบกลับไปกับฉันเดี๋ยวนี้ ฉันจะให้พ่อเตรียมคนพาคุณออกไปจากเกาะฮ่องกาง!”
“ไม่จำเป็น” เย่เฉินออกแรงเล็กน้อย แล้วกระชากเธอเอาไว้ จากนั้นก็ฉุดดึงเธอเดินออกไปข้างนอก เอ่ยพูดอย่างเรียบนิ่งว่า “การขอโทษไม่ใช่สิ่งที่ผมจะทำ ยิ่งการหนียิ่งไม่ใช่ใหญ่ ก็แค่สี่มังกรแห่งเกาะฮ่องกาง ไม่ได้ยิ่งใหญ่คับไรฟันขนาดนั้นสักหน่อย ลองให้สี่มังกรอะไรนั่นมาอยู่ตรงหน้านี่สิ ผมยำเละเป็นผักแน่”
“คุณ……” หลิวม่านฉงถูกเย่เฉินกระชากเดินออกไป จนสะดุด เธอเบรกเท้าแล้วเอ่ยพูดว่า “เย่เฉิน! นี่ไม่ใช่เวลาที่คุณจะมาพูดอวดดี พวกเขาเอาชีวิตคุณได้เลยนะ! โอเคฉันผิดเอง ถือว่าฉันขอร้อง รีบหนีไปก่อนเถอะ! ถ้าคุณยังอยากคุยธุรกิจกับพ่อของฉัน ให้พ่อฉันไปหาคุณเองก็ได้ โอเคไหม?”
“ไม่” เย่เฉินเอ่ยพูดอย่างเรียบนิ่ง “คุณรับปากพ่อคุณแล้ว ว่าจะพาผมไปเที่ยว แล้วคุณก็รับปากพ่อคุณว่า คืนนี้จะพาผมไปลองสตรีทฟู้ดในเกาะฮ่องกาง คุณทำตามที่พูดเอาไว้ให้ได้ก่อน แล้วค่อยมาพูดเรื่องอื่นกับผมนะ~~~”