ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4405 พลังอันล้นเปี่ยม
“เป็นเจ้าภาพงานสำคัญอะไร?”
เมื่อได้ยินคำถามของหลิวม่านฉง เย่เฉินก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วเอ่ยพูดว่า “ตอนนี้ยังบอกคุณไม่ได้ ขอเก็บไว้เป็นความลับก่อน”
หลิวม่านฉงขมวดคิ้วมุ่น เอ่ยถามเขาว่า “งั้นคุณได้คิดหรือเปล่า ว่าถ้าจงจื่อทาวจะเล่นงานคุณ คุณจะทำยังไง? คุณมีแค่สองมือเอาชนะหลายมือในเกาะฮ่องกางไม่ได้หรอกนะ คุณจะสู้สำนักฮงเหมินได้ยังไง?”
เย่เฉินเลิกคิ้วขึ้น พูดยิ้มๆว่า “คุณดูถูกผมเกินไปแล้ว สองมือเอาชนะหลายมือไม่ได้อย่างนั้นเหรอ? ต่อให้มีเป็นสี่สิบมือผมก็ไม่สนใจหรอก”
หลิวม่านฉงคิดว่าเย่เฉินพูดโอ้อวดเกินจริง สติของเธอแทบขาดผึงเพราะเขา ทำได้เพียงส่ายหน้าอย่างจนใจ “ฉันล่ะยอมคุณจริงๆ!”
พูดจบ ก็เดินออกมาจากโรงจอดรถกับเย่เฉิน
ทั้งสองเดินออกมาจากโรงจอดรถ มาถึงห้างสรรพสินค้าที่มีผู้คนพลุกพล่าน
ที่นี่นอกจากผู้คนที่กำลังสัญจรไปมา ก็ยังมีพนักงานกำลังขายของอย่างคึกคักและมีโซนแสดงผลิตภัณฑ์มากมาย
ในจุดทำเลดีๆ มีร้านรวงเปิดขายเบียดเสียดกัน ซึ่งร้านเหล่านี้ต่างมีตราโรงเรียนในเกาะฮ่องกางห้อยอยู่เต็ม มีนักเรียนในชุดยูนิฟอร์มเดินกันขวักไขว่อยู่ตรงหน้าร้านค้าเหล่านั้น
หลิวม่านที่กำลังอยู่ในอารมณ์ซับซ้อนพาเย่เฉินมายังร้านรวงเหล่านี้ ซึ่งตรงนี้เคยเป็นจุดที่เธอกับเพื่อนๆทำจิตอาสาการกุศลด้วยกัน
เมื่อเห็นหลิวม่านฉงเดินเข้ามา เหล่านักเรียนต่างพากันประหลาดใจ แต่กระนั้นก็ยังทยอยเข้ามาทักทายเธอ
เด็กหนุ่มที่สวมใส่แว่นตารีบเดินเข้ามาถามว่า “พี่ม่านฉง พี่มาได้ยังไง?”
หลิวม่านฉงยิ้มเล็กน้อย ตอบกลับไปว่า “ช่วงบ่ายมีธุระแถวนี้พอดีน่ะ ก็เลยแวะมานี่สักหน่อย”
ขณะที่พูด หลิวม่านฉงก็เอ่ยถามเขาว่า “วันนี้ขายดีไหม?”
“ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย” เด็กหนุ่มคนนั้นเอ่ยพูดอย่างเซื่องซึม “พวกผมเริ่มเปิดร้านตั้งแต่แปดโมงเช้าจนถึงตอนนี้ เพิ่งขายได้สามหมื่น ตอนแรกนึกว่าจะขายได้ซักห้าหมื่นซะอีก”
หลิวม่านฉงเอ่ยพูดให้กำลังใจ “ไม่ต้องเครียด สามหมื่นกว่าก็ถือว่าได้มาเยอะเลย สมกับที่ลงทุนลงแรง”
ไอ้หลุนถอนหายใจออกมา “พี่ม่านฉง แค่พี่คนเดียวก็บบริจาคตั้งหลายพัน พวกผมตั้งหลายคนช่วยกัน กลับได้มาแค่นี้เอง รู้สึกผิดจริงๆนะเนี่ย….”
หลิวม่านฉงรีบเอ่ยขึ้นว่า “ไอ้หลุน อย่าพูดอย่างนั้นสิ การกุศลไม่ใช่การมาแข่งกันว่าใครบริจาคได้เยอะกว่ากันสักหน่อย แต่เป็นการให้มากเท่าที่จะทำได้ เงินที่ฉันบริจาคก็ไม่ใช่เงินฉันซะทีเดียว ล้วนแล้วแต่เป็นเงินที่มีจากความเอื้ออาทรของคนอื่นทั้งนั้น ฉันเองก็เหมือนพวกนายนั่นแหละ ช่วยได้เท่าที่ตัวเองจะทำได้”
ขณะที่พูด เธอก็รับกล่องกระดาษในมือของเย่เฉินมา ยื่นให้เด็กหนุ่มตรงหน้า “ไอ้หลุนนี่เป็นของเหลือใช้ที่ฉันเก็บรวบรวมมา ฉันติดป้ายราคาไว้แล้ว ถ้าเอาตามราคาป้าย ทั้งหมดก็ประมาณสองหมื่นกว่าๆ”
จากนั้น หลิวม่านฉงก็แบมือออก แล้วเอ่ยพูดขึ้นมาอีกว่า “พวกนายเห็นไหม ฉันเองก็ไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้น แต่ของที่หามาได้กลับเยอะถึงขนาดนี้ เพราะฉะนั้นทุกคนอย่ารู้สึกผิดที่ตัวเองหามาได้น้อยเลยนะ ต่อให้หาอะไรมาไม่ได้เลย การมาเป็นอาสาสมัครทำการกุศลในครั้งนี้ก็ถือว่าคุ้มค่าสุดๆแล้ว!”
“ฉะนั้น ทุกคนต้องพยายามเข้าไว้นะ เราต้องขายของที่เก็บรวบรวมมาได้ขายออกไปให้เร็วที่สุด แล้วก็ ฉันเปิดรับสมัครนักเรียนคนอื่นๆในโรงเรียนมาเข้าร่วมเพิ่มแล้ว ทุกคนพยายามบริจาคของที่ไม่ได้ใช้กันมาเยอะๆ ถ้าเก็บสะสมได้หลายๆอัน ต้องเอาไปทำการกุศลได้อีกหลายอย่างแน่ๆ”
ทุกคนส่งเสียงฮึกเหิมเมื่อได้รับแรงเชียร์จากหลิวม่านฉง แต่ละคนเต็มไปด้วยพลังอันล้มเปี่ยม
ในตอนนี้เอง ก็มีผู้หญิงท่าทางดูดีคนหนึ่งมองมาที่เย่เฉิน จากนั้นก็เอ่ยถามว่า “พี่ม่านฉง ว่าแต่หนุ่มหล่อคนนี้ใครเหรอ? พี่ยังไม่ได้แนะนำให้พวกเรารู้จักเลยนี่นา”
หลิวม่านฉงหันมองเย่เฉิน เอ่ยพูดกับทุกคนว่า “คนนี้คือคุณเย่ แขกของฉันเอง”
“แขก?” ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยพูดอย่างแซวๆ “พี่ม่านฉง อย่าบอกนะว่าคือคู่หมั้นที่ครอบครัวพี่จับคู่ให้?”
“จะเป็นแบบนั้น…..”เมื่อหลิวม่านฉงได้ยินคำว่าคู่หมั้น ก็รู้สึกเหมือนจะสติแตก จึงเอ่ยพูดอย่างไม่หยุดคิดว่า “หยุดเลย คุณเย่เป็นเพื่อนพ่อฉัน เขามาคุยธุรกิจกับพ่อฉันที่นี่ บังเอิญเขาไม่ค่อยได้มาที่เกาะฮ่องกาง ฉันก็เลยอาสาพาเขาเที่ยวแค่นั้นเอง”
บทที่ 4404 มาเป็นเจ้าภาพงานสำคัญ