ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4406 หัดฟังคนอื่นบ้างจะได้อยู่รอด
“อย่างนี้นี่เอง” ผู้หญิงสาวเอ่ยพูดอย่างเสียดาย “พี่ม่านฉง จะว่าไปแล้วหนุ่มหล่อคนนี้ก็ดูเหมาะกับพี่ดีนะ! อันที่จริงพี่พิจารณาไว้หน่อยก็ดี รู้จักพี่มาตั้งหลายปี ไม่เคยเห็นพี่มีแฟนกับเขาสักคน ทุกคนรอดูว่าพี่จะตกไปเป็นสะใภ้ตระกูลไหนก่อนเรียนจบอยู่นะ!”
หลิวม่านฉงเอ่ยพูดอย่างช่วยอะไรไม่ได้ “สนใจเรื่องตัวเองดีกว่าเนอะ ได้ยินมาว่าเธอเลิกกับแฟนคนปัจจุบันแล้วนี่? เพิ่งคบกันได้ไม่กี่วันเอง”
หญิงสาวเบ้ปาก “ผู้ชายเฮงซวยนั่นน่ะนะ ฉันไม่อยากพูดถึงเขาเลย! ที่เขาคบกับฉัน เพราะอยากให้ฉันช่วยทำแผนการจบให้เขา พอฉันช่วยทำจนเสร็จ เขาก็มาบอกเลิกฉันทันทีเลย…..”
หลิวม่านฉงถอนหายใจออกมา เอ่ยพูดว่า “ครั้งหน้าจะเอาใครเป็นแฟนก็หัดดูดีๆซะบ้าง”
หญิงสาวหันไปมองเย่เฉิน เอ่ยพูดอย่างจริงจังว่า “แต่ว่าก็ว่าเถอะนะพี่ม่านฉง ฉันว่าผู้ชายที่มากับพี่เหมาะสมกับพี่จริงๆนะ!”
“หยุดเลยนะ!” หลิวม่านฉงยื่นมือออกไปปิดปากอีกฝ่าย “เธอได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเธอแทบจะไม่มีสกิลในการมองคน ดังนั้นการที่เธอมาบอกว่าเขาเหมาะสมกับฉัน แปลว่าเขาไม่มีตรงไหนเหมาะกับฉันเลย”
พูดจบ เธอก็หันไปมองบนใส่เย่เฉินอย่างไม่อาจห้ามได้
ในตอนนี้เองเย่เฉินก็หัวเราะออกมาเบาๆ เอ่ยพูดกับผู้หญิงคนนั้นว่า “ผมเป็นคู่หมั้นของเธอครับ เธอเป็นคนพูดออกมาเองกับปาก”
เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดนี้ ก็อุทานออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้
ผู้หญิงคนนั้นมองมาที่หลิวม่านฉง เอ่ยพูดอย่างมีนัยแฝงว่า “พี่ม่านฉง …..แม้แต่พวกฉันพี่ก็ยังโกหกเหรอ!”
หลิวม่านฉงเอ่ยพูดอย่างจนใจ “พวกเธออย่าไปฟังที่เขาพูด ผู้ชายแบบนี้ไม่ใช่สเปคฉันด้วยซ้ำ”
พูดจบ เธอก็มองมาที่ทุกคน เอื้อนเอ่ยว่า “ทุกคนกลับทำงานต่อได้แล้ว อย่ามัวแต่พูดไร้สาระไปเรื่อย”
จากนั้น เธอก็เปิดกล่องกระดาษที่ตัวเองถืออยู่ออก แล้วหยิบของในนั้นออกมา พร้อมแนะนำให้คนข้างๆ “ไอแพดตัวนี้ฉันได้มาจากเว็บขายของช่วงต้นปี ฉันลองค้นหาในเว็บขายของมือสอง ส่วนใหญ่ราคาจะอยู่ที่สี่พันกว่า แต่ฉันจะขายสามพัน น่าจะขายได้ง่าย แล้วก็เครื่องเล่นเกมส์ตัวนี้ ตอนซื้อมาราคาอยู่ที่สองพันกว่า แต่ฉันลดเหลือพันสอง……”
หลังจากอธิบายเกี่ยวกับสิ่งของที่จะขายให้ทุกคนฟังพอคร่าวๆแล้ว หลิวม่านฉงก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ทุกคนสู้ๆนะ ฉันยังมีธุระต่อ คงไม่ได้อยู่ที่นี่กับทุกคน”
พูดจบ ก็รีบหันไปพูดกับเย่เฉินว่า “เราไปกันเถอะ!”
เย่เฉินพูดยิ้มๆ “เพิ่งมาเองจะไปแล้วเหรอ? ผมคิดว่าการขายของเพื่อการกุศลนี่น่าสนใจดีนะ ผมมียาเสริมพลังอยู่ในกระเป๋าพอดีผมเอาออกมาขายด้วยดีไหม?”
หลิวม่านฉงมองมาที่เย่เฉินอย่างจนใจ เอ่ยพูดอย่างจริงจังว่า “ที่นี่ยาเสริมพลังผิดกฎหมายนะ…..อีกอย่าง ถ้าเรายังไม่ไปอีก ต้องมีปัญหาตามมาแน่ๆ….”
เย่เฉินมองไปยังผู้ชายสองสามคนที่กำลังทำตัวลับๆล่อๆอยู่ไกลๆ แล้วหันมาพูดยิ้มๆว่า “ได้! คนเราต้องหัดฟังคนอื่นบ้างจะได้อยู่รอด งั้นเราไปกันเถอะ”
เมื่อหลิวม่านฉงเห็นว่าในที่สุดก็เจรจากับเย่เฉินสำเร็จ จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แล้วรีบหันไปบอกลาคนอื่นๆ จากนั้นก็พาเย่เฉินกลับมาที่ลานจอดรถ
ตอนนี้เรื่องที่เธอกังวลที่สุดก็คือจงจื่อทาวจะส่งคนมาเอาคืนเย่เฉิน ถ้าเกิดเขาส่งคนมาดักเย่เฉินสิบคน ถึงเธอจะอยากช่วยก็คงช่วยไม่ได้
ทั้งสองมาถึงลานจอดรถ หลิวม่านฉงก็เตรียมประจำตำแหน่งคนขับโดยอัตโนมัติ แต่ทันใดนั้นเย่เฉินก็เรียกเธอเอาไว้ “คุณม่านฉง ถ้าไม่ว่าอะไร ให้ผมขับดีกว่าครับ”
“คุณขับ?” หลิวม่านฉงเอ่ยถาม “คุณไม่ชินทาง อีกอย่างที่นี่ก็ใช้พวงมาลัยด้านขวา ตรงกันข้ามกับประเทศคุณ คุณจะชินเหรอ?”
เย่เฉินพูดยิ้มๆ “ขอแค่พวงมาลัยไม่สลับไปอยู่ตรงคันเร่ง ผมก็ขับได้หมดล่ะครับ”
หลิวม่านฉงยักไหล่ “งั้นคุณขับก็ได้”
หลังจากขึ้นมานั่งบนรถ เย่เฉินก็ไม่ได้รีบร้อนขับรถออกไป แต่หยิบโทรศัพท์ออกมา กดดูแผนที่อยู่สักพัก
จนกระทั่งเขาเห็นคนที่ทำตัวลับๆล่อๆสองสามคนเมื่อสักครู่แยกย้ายกันขึ้นรถใครรถมัน ถึงได้หันมาพูดกับหลิวม่านฉงว่า “ผมว่าเขาหงฮวาก็ไม่เลวเลยนะ เราไปเดินเล่นที่นั่นดีไหม”
“เขาหงฮวา?!” หลิวม่านฉงเบิกตาอ้าปากกว้าง “นั่นมันเหนือสุดของเกาะฮ่องกางเลยนะ ไกลมากด้วย แถมยังมีแต่ภูเขา จะไปทำอะไรที่นั่น?”
เย่เฉินพูดยิ้มๆ “เรื่องบางเรื่อง ก็ต้องไปทำในที่ที่มีคนน้อยๆ!