ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4407 ถ้าทำกันในรถล่ะจะทำยังไง
คำพูดสบายๆของเย่เฉิน ทำให้หลิวม่านฉงเริ่มเครียดขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
เธออดไม่ได้ที่จะซักถามเย่เฉินว่า “คุณคิดจะทำอะไรกันแน่? เรื่องอะไรทำไมต้องไปทำในที่ที่คนน้อยๆ?!”
เย่เฉินมองมาที่เธอยิ้มๆ แล้วพูดว่า “คุณไม่ต้องห่วง เรื่องที่ผมจะทำมันไม่เกี่ยวกับคุณหรอก คุณแค่ดูอยู่เฉยๆก็พอ”
พูดจบ เขาก็เหยียบคันเร่งพารถเทสลาของหลิวม่านฉงขับทะยานออกไป
รถเพิ่งออกมาจากลานจอดรถได้ไม่นานเท่าไหร่ ข้างหลังก็มีรถขับตามมาสามคัน
จงจื่อทาวนั่งอยู่บนรถหนึ่งในสามคันนั้น มองไปยังรถเทสลาคันข้างหน้าพร้อมกัดฟันกรอด เอ่ยพูดกับคนข้างกายเสียงเย็นว่า “ตามไอ้เวรนั่นให้ทัน!วันนี้ฉันต้องได้เล่นงานมันให้ตาย!”
คนที่กำลังขับรถแสยะยิ้ม “คุณชายจงวางใจได้ เราไล่บี้ไอ้หมอนั่นเข้าหาความตายได้แน่นอน”
บนแขนของคนคนนี้เต็มไปด้วยรอยสัก รวมไปถึงเส้นเลือดที่ผุดตามร่างกายและใบหน้า มองแค่แวบเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นพวกที่ไม่ควรเข้าไปมีเรื่องด้วย
จงจื่อทาวแสยะยิ้มมุมปาก เอ่ยพูดอย่างเยือกเย็นว่า “ส่วนหลิวม่านฉง ถ้ายังไม่รู้ว่าอะไรดีไม่ดีอีก ฉันก็จะหาโอกาสเอาเธอซะให้มันจบๆ!”
คนขับรถหัวเราะเหอะๆออกมา “คุณชายจง ถ้าคุณทำอย่างนั้นจริงๆ คงต้องให้พ่อกับปู่ของคุณไปสู่ขอเธอที่ตระกูลหลิวแล้วตระกูลหลิวไม่มีทางปฏิเสธแน่นอน!”
“เข้าท่าแฮะ” จงจื่อทาวพยักหน้า เอ่ยพูดว่า “ถ้าเธอยังคิดไม่ได้ งั้นก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”
เย่เฉินขับรถไปตามจีพีเอส ระหว่างทาง เขาก็เอาแต่สังเกตรถสามคันที่ขับตามมาข้างหลังเป็นระยะๆ เมื่อเห็นว่ารถเหล่านั้นยังขับตามมาอยู่ ก็วางใจลง
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เย่เฉินก็ขับรถมาถึงเขตภูเขาที่อยู่ใกล้ๆเขาหงฮวาในเกาะฮ่องกาง
จากนั้น เขาก็ผ่อนความเร็วลง เตรียมจอดในสถานที่ที่พอเหมาะพอเจาะ เพื่อพบปะกับเพื่อนใหม่ที่ตามมาข้างหลัง
และในตอนนี้เอง จงจื่อทาวที่นั่งอยู่ในรถคันข้างหลัง ก็มีสีหน้าย่ำแย่ขึ้นเรื่อยๆ
คนขับรถอดที่จะพึมพำขึ้นมาไม่ได้ว่า “ให้ตาย สองคนนั้นลงทุนขับรถมาถึงที่นี่กลางวันแสกๆ คงไม่ใช่เพราะจะทำอะไรบัดสีบัดเถลิงหรอกนะ!”
สีหน้าของจงจื่อทาวเพิ่มพูนโทสะมากกว่าเดิม กัดฟันแล้วก่นด่าออกมา “ฉันก็นึกว่าหลิวม่านฉงเป็นผู้หญิงเรียบร้อย ไม่คิดเลยว่าจะร่านขนาดนี้!”
คนขับรถเอ่ยขึ้นมาทันทีว่า “นั่นสิ มีแต่คนพูดว่าหลิวม่านฉงเปรียบเสมือนเทพธิดาแห่งเกาะฮ่องกาง แต่ผมว่าเปลี่ยนจาก “เทพธิดา”เป็นคำว่า “ร่านสวาท” น่าจะเหมาะสมกว่านะ!”
จงจื่อทาวเดือดเป็นฟืนเป็นไฟ “ถ้าหลิวม่านฉงถูกคนอื่นเอาจนตรงนั้นพัง ก็คงหมดสนุก และจะไม่แต่งงานกับเธอเป็นอันขาด!”
เขาก่นด่าออกมาอีกว่า “แล้วก็ไอ้นั่น! ถ้าหลิวม่านฉงถูกมันเอาจริงๆ ฉันฆ่าแม่งให้ตายแน่!”
ในตอนนี้เอง คนขับรถก็หลุดพูดออกไปว่า “คุณชายจง พวกนั้นหยุดรถแล้ว เราต้องเข้าไปล้อมหรือว่ารอไปก่อน?”
เมื่อจงจื่อทาวเห็นเทสลาจอดลง ก็เอ่ยพูดว่า “อย่าเพิ่งใจร้อน รอให้พวกเขาลงมาจากรถก่อน ไม่อย่างนั้น ถ้าเกิดพวกเขาสตาร์ทรถหนีไปอีก บนภูเขาแบบนี้ เราคงตามพวกเขาไม่ทันแน่ๆ แถมยังเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุด้วย ตอนนี้รอแค่พวกเขาลงมาจากรถ ก็ไม่มีอะไรให้กังวล”
คนขับรถเอ่ยถามขึ้นมาอีกว่า “คุณชายจง แล้วถ้าเกิดพวกเขาทำกันในรถล่ะครับ?”
จงจื่อทาวกัดฟันกรอด “แม่งเอ้ย ถ้าพวกเขากล้าทำในรถ ก็ขับรถชนให้ตกภูเขาไปเลย!”
……
ขณะนั้นเอง เย่เฉินที่อยู่ในรถคันข้างหน้าก็ปลดสายเบลท์ออก เอ่ยพูดกับหลิวม่านฉงที่อยู่ข้างๆว่า “คุณม่านฉง ลงรถกันเถอะครับ”
“ลงรถ?” หลิวม่านฉงเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “คุณพาฉันมาในที่ห่างไกลผู้คนแบบนี้ คิดจะทำอะไรกันแน่?”
เย่เฉินพูดยิ้มๆ “ลงรถเดี๋ยวก็รู้เองนั่นแหละ”
เย่เฉินเอื้อนเอ่ยขึ้นมาอีกว่า “หรือถ้า คุณไม่เชื่อใจผม จะรออยู่ในรถก็ได้นะ ผมไปทำธุระแปบหนึ่ง เสร็จแล้วเดี๋ยวกลับมา”
หลิวม่านฉงได้ยินแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่าไปเอาความกล้ามาจากไหน รีบปลดสายเบลท์ เอ่ยพูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “ฉันไปด้วย!”
“ได้สิ” เย่เฉินพยักหน้า แล้วเปิดประตูลงจากรถไปก่อน
หลิวม่านฉงรีบเปิดประตูตามลงไป มองซ้ายมองขวา แล้วเอ่ยถามเย่เฉินว่า “เราจะไปไหนกัน?”
เย่เฉินมองไปยังทางเดินเล็กๆตามแนวเขา เอ่ยพูดว่า “เริ่มจากตรงนี้แล้วกัน ลงไปดูข้างล่างกันเถอะ”