ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4414 คุณทำให้ฉันโมโหจนกินอะไรไม่ลงแล้ว!
หลิวม่านฉงเห็นสีหน้าเจ้าเล่ห์ของเย่เฉิน จึงรู้ว่าพูดไปยังไงก็เถียงไม่สู้เขา เลยเลือกที่จะเมินเขาให้รู้แล้วรู้รอด ด้วยการขึ้นไปนั่งบนรถ
ในตอนนี้เองเย่เฉินก็ขึ้นมานั่ง รัดสายเบลท์ไปพลาง เอ่ยปากพูดไปพลาง “คุณม่านฉง คืนนี้จะพาผมไปกินอะไรเหรอ?”
หลิวม่านฉงเอ่ยพูดอย่างหัวเสีย “ฉันไม่กินนะ คุณทำให้ฉันโมโหจนกินอะไรไม่ลงแล้ว!”
พูดจบ เธอก็หันไปเหลือบตามองบนใส่เย่เฉิน ในใจยอมถอยให้แล้ว แต่ว่าน้ำเสียงก็ยังเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “ฉันจะพาคุณไปกินบะหมี่เกี๊ยวร้านเด็ดในเกาะฮ่องกางก็แล้วกัน ข้างร้านมีผ้าขี้ริ้ววัวกับลูกชิ้นปลาขายด้วย ซื้อมากินเป็นของกินเล่นไปพลางๆได้ถ้ายังไม่อิ่ม จะกินผัดปูด้วยก็ได้”
เย่เฉินเลิกคิ้วขึ้น “ฟังดูน่าอร่อย งั้นก็รบกวนคุณม่านฉงคอยแนะนำให้หน่อยนะ วันไหนคุณไปเมืองจินหลิง เดี๋ยวผมเลี้ยงก้วยเตี๊ยวเป็ดกับเนื้อเป็ดเค็มก็แล้วกัน”
หลิวม่านฉงเหลือบมองเขา แล้วถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ “ฉันจะทำยังไงกับคุณดี!”
พูดจบ ก็ขับรถออกมาจากเขาหงฮวา กลับไปที่ตัวเมืองเกาะฮ่องกาง
ขากลับเป็นช่วงที่รถเยอะ รถจึงวิ่งๆหยุดๆ ใช้เวลาไปหนึ่งชั่วโมงถึงมาถึงตัวเมืองฮ่องกาง
หลิวม่านฉงขับรถมาจอดที่ถนนคนเดินที่เต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่านและคึกคักเป็นพิเศษ หลังจากจอดรถเสร็จ ก็เอ่ยถามเย่เฉินอย่างค่อนข้างกังวลว่า “จะทำยังไงกับจงจื่อทาว? เขาจะไม่ฟื้นขึ้นมาใช่ไหม?”
เย่เฉินพูดกลั้วยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ไม่ฟื้นหรอก”
“งั้นก็ดี” หลิวม่านฉงถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วเอ่ยขึ้น “เราลงรถกันเถอะ ถึงร้านแล้ว”
เย่เฉินพยักหน้า แล้วเปิดประตูลงจากรถ
หลิวม่านฉงกดล็อกรถอย่างรอบคอบ เมื่อแน่ใจว่าล็อกเสร็ตแล้ว ถึงได้พาเย่เฉินเดินมาที่ถนนคนเดิน
เมื่อเย่เฉินเห็นว่าเมืองแห่งนี้มีของกินตระการตา ก็เอ่ยถามอย่างสงสัยว่า “คุณม่านฉง คุณมากินข้าวที่นี่บ่อยเหรอ?
“ใช่”หลิวม่านฉงพยักหน้า เอ่ยพูดว่า “ตอนเด็กๆฉันมากินที่นี่บ่อยๆ ปัจจุบันก็ยังเหมือนเดิม ที่นี่ไม่ได้อยู่ไกลจากมหาลัยฉันเท่าไหร่ ปกติฉันเลยมากินข้าวเย็นที่นี่แล้วค่อยกลับบ้าน”
เย่เฉินเอ่ยถามอย่างข้องใจ “บ้านคุณรวยขนาดนั้น คุณมากินข้าวที่นี่ ไม่เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยเหรอ?”
หลิวม่านฉงเอ่ย “ตอนนี้ไม่ใช่ยุคของจางจื่อเฉียงแล้ว ระบบรักษาความปลอดภัยของเกาะฮ่องกางจึงดีขึ้น อีกอย่างที่นี่ก็เป็นตัวเมือง นี่ฉันรู้จักพ่อค้าแม่ขายที่เกือบทุกคน ใครจะกล้ามาลักพาตัวฉัน”
เย่เฉินพยักหน้า “มีเหตุผล”
ขณะที่พูด เย่เฉินก็เอ่ยถามอย่างสงสัย “การที่คุณหนูอย่างคุณมากินข้าวที่นี่บ่อยๆ แปลว่าที่นี่ต้องมีอะไรพิเศษแน่ๆเลยใช่ไหม?”
“ใช่” หลิวม่านฉงเอ่ยพูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความคิดถึง “ตอนฉันยังเด็ก แม่มักจะพาฉันมากินข้าวที่นี่บ่อยๆ แม่บอกว่าฉันเลือกกินมาก แถมยังเลือกกินแบบไม่มีเหตุผลอีก ต่อให้อาหารที่บ้านจะอร่อยขนาดไหนฉันก็ไม่ยอมกิน แต่ชอบกินบะหมี่เกี๊ยวและพะโล้ที่ขายตามข้างถนน ถึงคนใช้ในบ้านจะทำรสชาติออกมาเหมือนเป๊ะๆ แต่ฉันก็ยังไม่ยอมกินเหมือนเดิม ดังนั้นแม่เลยสัญญากับฉันว่า ถ้าฉันกินข้าวเช้ากับข้าวเที่ยงครบทุกมื้อ ตอนเย็นจะพาฉันมากินข้าวเย็นที่นี่……”
หลิวม่านฉงพูดไปพลางถอนหายใจออกมา จากนั้นพึมพำด้วยใบหน้าเศร้าๆ “ตั้งแต่ที่แม่ฉันจากไป ฉันก็มากินข้าวที่นี่แทบทุกวัน ลากยาวตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยม พอจะเข้ามหาลัย ตอนนั้นพ่ออยากให้ฉันไปเรียนที่อเมริกา แต่ว่าฉันไม่อยากไปจากที่นี่ ก็เลยเลือกที่จะเรียนอยู่ในเกาะฮ่องกาง พูดไปคุณอาจจะไม่เชื่อ ตั้งแต่ฉันโตมาจนถึงตอนนี้ นอกจากตอนที่เคยออกไปจากเกาะฮ่องกางกับแม่เมื่อยังเป็นเด็กแล้ว ฉันก็แทบไม่ได้ไปจากที่นี่อีกเลย…..