ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4453 ฉันกลัวว่าคุณจะชงกับฉัน!
บทที่ 4453 ฉันกลัวว่าคุณจะชงกับฉัน!
“ไปในแผ่นดินใหญ่งั้นเหรอ?”
เย่เฉินมองไปที่หลิวม่านฉงด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย และถามว่า “คุณไม่อยากจะไปจากเกาะฮ่องกางเลยไม่ใช่หรือ?”
หลิวม่านฉงพูดแบบค่อนข้างไม่เป็นธรรมชาติว่า “นั่นมันเมื่อก่อน……ก่อนหน้านี้เพราะฉันยังเรียนอยู่ ฉันเลยไม่อยากไปจากเกาะฮ่องกาง แต่ถ้าฉันจะต้องคำนึงถึงในเรื่องของการทำงาน ฉันจะมีโอกาสพัฒนามากกว่าถ้าฉันไปจากเกาะฮ่องกาง”
เย่เฉินพยักหน้าเบาๆ และพูดอย่างจริงจังว่า “ถ้าคุณม่านฉงสนใจที่จะไปแผ่นดินใหญ่จริงๆ หลังจากสำเร็จการศึกษาแล้วคุณก็สามารถไปลองดูที่แผ่นดินใหญ่ได้ เดินทางไปรอบๆ ก่อน จากนั้นก็เลือกเมืองที่คุณชื่นชอบแห่งหนึ่ง และพยายามพัฒนา เพราะยังไงคุณก็มีการศึกษาสูง และมีภูมิหลังทางตระกูลที่ดี ไม่ว่าคุณจะเลือกที่ไหน มันก็น่าจะเป็นเรื่องง่ายมาก”
หลิวม่านฉงตอบ และอยากจะถามว่าเย่เฉินอยู่ในเมืองไหน แต่ก็ไม่สามารถเอาคำพูดออกจากปากได้
และในเวลานี้ ฝนบนเกาะฮ่องกาง ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นไปอีก
จู่ๆ โทรศัพท์ของหลิวม่านฉงก็ดังขึ้นหนึ่งครั้ง และได้รับหนึ่งข้อความโฆษณาเข้ามา
เธอก้มมองโทรศัพท์ แล้วพึมพำว่า “กรมอุตุนิยมวิทยาบอกว่าในคืนนี้จะมีพายุฝนเข้า”
“พายุฝนเหรอ…….” เย่เฉินหัวยิ้มเล็กน้อย “ดูเหมือนว่าสาวกสำนักฮงเหมินร้อยกว่าคนจะต้องขึ้นเรือท่ามกลางสายฝนในคืนนี้แล้ว”
และในขณะเดียวกัน คลับซีเวฟ
สาวกสำนักฮงเหมินร้อยกว่าคน ได้ออกจากบาร์ไปอย่างต่อเนื่อง ภายใต้คุ้มกันตัวของเหล่าทหารสำนักว่านหลง และไปที่ท่าเรือ
การสร้างฐานทัพใหม่ของสำนักว่านหลงนั้น ต้องใช้แรงงานระดับล่างจำนวนมาก ดังนั้นอันธพาลหนุ่มสาวที่มีความแข็งแกร่งพวกนี้ จึงกลายเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับในตอนนี้
อีกอย่าง สำหรับสำนักว่านหลงแล้ว แรงงานเช่นนี้ สามร้อยห้าร้อยคนยังไม่เพียงพอเลย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ยิ่งเยอะก็จะยิ่งดี
ฮงหยวนซานคอยเฝ้าดูลูกน้องของตัวเองถูกคุ้มกันตัวออกไปหมด และคนทั้งคนก็ไม่ได้รู้สึกเศร้าอะไรมาก แต่กลับมีความรู้สึกที่โชคดีขึ้นมาในใจอย่างท่วมท้น
เขาแอบถอนหายใจว่า “ไม่เคยฝันมาก่อนเลยว่า ไอ้แซ่เย่จะมีภูมิหลังที่ใหญ่โตเช่นนี้……..โชคดีที่ฉันรอดชีวิตมาได้ ไม่เพียงแต่ไม่ต้องไปทำงานที่ซีเรีย และยังสามารถเป็นพี่ใหญ่อยู่ในสำนักฮงเหมินต่อไปได้อีกด้วย……ต่อไปนี้ฉันต้องทำตัวให้อยู่ต่ำและต่ำ จะไม่ทำผิดพลาดซ้ำๆ แบบนี้อีกแล้ว……”
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็มองไปที่จงหยุนชิวในทันที และพูดอย่างเย็นชาว่า “ไอ้แซ่จง ฉันขอให้แกโอนเงินหนึ่งพันล้านดอลลาร์เข้าบัญชีของฉัน ก่อนฟ้ามืดในวันพรุ่งนี้ มิฉะนั้น ฉันไม่ไว้ชีวิตแกแน่!”
จงหยุนชิวกล่าวด้วยใบหน้าเศร้าโศกว่า “ท่านพ่อบุญธรรม……ท่านยังไม่วางใจผมอีกหรือ? ในเมื่อผมสัญญาแล้ว ผมก็จะทำตามสัญญาอย่างแน่นอน…….”
ฮงหยวนซานกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ฉันไม่กล้าที่จะเป็นพ่อบุญธรรมของแกฮงหยวนซานหรอก! นับจากนี้ไป การนับญาติบุญธรรมระหว่างแกกับฉันก็จบลงเพียงเท่านี้ อย่าพูดถึงมันอีกเลย!”
จงหยุนชิวรีบพูดว่า “ท่านพ่อบุญธรรม ฉันไม่เคยทำให้ท่านต้องขุ่นเคืองเลยนะ เรื่องมันบานปลายมาถึงจุดนี้ ฉันก็ไม่อยากจะให้มันเกิดขึ้นเหมือนกัน ได้โปรดอย่าโกรธฉันเลย เพราะยังไงฉันก็เป็นคนที่น่าอนาถที่สุด”
ฮงหยวนซานพูดด้วยใบหน้าสีเข้มว่า “แม้งเอ๊ย กูกลัวว่ามึงจะชงกับกู!”
หลังจากนั้นฮงหยวนซานก็กล่าวเสริมอีกว่า “นับตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป แกกับฉันไม่ควรติดต่อกันอีก นอกจากเรื่องที่ระดมทุนสำหรับสำนักว่านหลง และฉันก็จะไม่ขอเงินเพิ่มจากแกเพิ่มแม้แต่บาทเดียว กูแม้งพอจะคิดได้แล้วในเวลานี้ เงินทองอะไร ก็ไม่สำคัญเท่ากับการมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข ดังนั้นอย่าให้ฉันได้เจอหน้าแกอีกจะดีกว่า”
จงหยุนชิวรีบพูดว่า “ท่านพ่อบุญธรรม ในวันนี้ท่านกับฉันก็ได้ร่วมทักข์สุขด้วยกัน ท่านจะตัดขาดกับฉันไปเพื่ออะไรล่ะ…..”
ฮงหยวนซานพูดโพล่งออกมาว่า “กูไม่เหมือนกับมึง! ตอนนี้กูเป็นผู้จัดการการระดมทุนของสำนักว่านหลง! ตราบใดที่กูไม่ก่อให้เกิดปัญหา คุรเย่และสำนักว่านหลงก็จะปกป้องกู! มึงแม่งเป็นไอ้คนเฮงซวย ต่อไปนี้อยู่ห่างจากกูยิ่งไกลยิ่งดี!”
จงหยุนชิวตกตะลึงไปทั้งคน และอยากจะพูดอะไร แต่ก็พูดไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว
ก่อนหน้านี้ทัศนคติของเขาที่มีต่อฮงหยวนซานนั้น ก็เหมือนกับชายชั่วที่เล่นกับฝ่ายหญิงแล้วเตะออกไป
เพียงแต่ว่า เขาหาเหตุผลหรือข้ออ้างที่จะเลิกกันอย่างสงบไม่ได้สักที และแม้กระทั่งเคยพยายามหาวิธีอยากจะให้ฝ่ายหญิงคนนั้นบอกเลิกก่อนด้วยซ้ำ
แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่า เมื่อฝ่ายหญิงคนนั้นเปิดปากบอกเลิกจริงๆ เข้า ตัวเองจะรู้สึกอึดอัดในใจมากเช่น