ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4455 ทำให้ฉันต้องลำบาก!
บทที่ 4455 ทำให้ฉันต้องลำบาก!
จงจื่อทาวเพิ่งตื่นขึ้นมา เต็มไปด้วยความเจ็บปวดทั่วร่างกายและความคับข้องใจ เมื่อเห็นหน้าพ่อแท้ๆ ของตัวเองและกำลังจะปลดปล่อย แต่เขาไม่เคยคิดฝันเลยว่า พ่อแท้ๆ ของตัวเองจะปฏิบัติต่อตัวเองเหมือนเป็นศัตรู พุ่งเข้ามาก็ทุบตีตัวเองอย่างรุนแรง!
แต่เติมเขาก็เจ็บปวดมากอยู่แล้ว เขาถูกจงหยุนชิวเตะไปหลายครั้ง และก็ยิ่งร้องไห้อย่างเสียงดัง และตะโกนว่า “คุณพ่อ พ่อบ้าไปแล้วเหรอ……พ่อทุบตีฉันทำไม…..”
“ฉันจะทุบตีแกเพื่ออะไรงั้นเหรอ?” จงหยุนชิวด่าว่าอย่างหอบหายใจ “ที่ฉันทุบตีแก ก็เพราะว่าไอ้สารเลวอย่างแกทำให้ฉันต้องลำบากไงเล้า!”
หลังพูดจบ จงหยุนชิวก็ขึ้นไปขี่อยู่บนตัวจงจื่อทาว คว้าปลอกคอด้วยมือข้างหนึ่ง และตบหน้าเขาด้วยมืออีกข้างหนึ่ง และด่าว่า “ไอ้สารเลวเอ๊ย แต่ละวันรู้แต่จะหาเรื่องสร้างปัญหาให้กู! กูจะบ้าตายเพราะแกสักวัน!”
จงจื่อทาวร้องไห้และตะโกนว่า “คุณพ่อ…….ผมทำผิดอะไรกันแน่……..ผมโดนคนทุบตีจนเป็นแบบนี้แล้ว แทนที่พ่อจะช่วยแก้แค้นให้ผม แต่กลับยังทุบตีผมอีกด้วย…….”
จงหยุนชิวโกรธจนแทบจะระเบิด แต่ก็ไม่กล้าที่จะบอกเหตุผลที่แท้จริง
เขารู้จักไอ้ลูกเนรคุณของตัวเองคนนี้ดี ชอบสร้างปัญหาเป็นเรื่องหนึ่ง และไม่มีความสามารถใดๆ คือเรื่องที่สอง ถ้าตัวเองบอกเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้กับเขาไป ด้วยปากของเขาคงจะถูกเปิดเผยออกไปอย่างแน่นอน หากถูกเย่เฉินรู้เรื่องเข้า งั้นมันก็จะจบสิ้นลงทั้งหมด
ดังนั้น เขาจึงทำได้เพียงจ้องไปที่จงจื่อทาว และพูดอย่างดุร้ายว่า “แกฟังฉันให้ดีนะ! นับจากนี้ไป อย่าพูดถึงเรื่องที่แกโดนทุบตีอีก และก็อย่าพยายามคิดที่จะไปแก้แค้นอีกฝ่าย มิฉะนั้น ฉันก็จะทุบตีขาของแกให้หักทั้งสองข้าง และเลี้ยงแกอยู่ในบ้านเหมือนสุนัขตัวหนึ่ง และไม่ปล่อยให้แกออกจากบ้านไปตลอดชีวิต!เข้าใจไหม!”
จงจื่อทาวตกใจกับรูปลักษณ์ที่ดุร้ายของพ่อเขา
ในชีวิตนี้เขาไม่เคยเห็นรูปลักษณ์ที่ดุร้ายขนาดนี้ของพ่อมาก่อน แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทำไมพ่อของเขาถึงเป็นแบบนี้ แต่เขาก็ยังคงจะตระหนักได้เล็กน้อยว่า ในวันนี้ตัวเองอาจจะก่อเรื่องใหญ่ไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงทนต่อความคับข้องใจ ร้องไห้พยักหน้าและพูดว่า “ฉันเข้าใจแล้วครับพ่อ……”
ความโกรธของจงหยุนชิวยังคงไม่ลดลง และตบหน้าเขาอย่างหนักอีกครั้ง จากนั้นก็พูดกับหมอว่า “นับจากนี้ไป ห้ามปล่อยให้เขาออกจากห้องผู้ป่วยเป็นเวลาสองสัปดาห์ข้างหน้า!”
คุณหมอพยักหน้าอย่างเร่งรีบ
จงหยุนชิวมองไปที่จงจื่อทาวอีกครั้ง กัดฟันและกล่าวว่า “หากไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน ถ้าแกกล้าที่จะเดินออกจากห้องนี้เพียงก้าวเดียว ฉันก็ไม่มีลูกชายคนนี้อีกแล้ว แกไปให้พ้นไกลๆ เลย!”
จงจื่อทาวตัวสั่นด้วยความตกใจ และรีบพูดอย่างรวดเร็วว่า “คุณพ่อ ฉันอยากเจอหน้าแม่…….พ่อขอให้แม่มาที่นี่หน่อยได้ไหม?”
จงหยุนชิวด่าว่า “ให้เธอมาทำบ้าอะไร! แกรีบส่งข้อความไปหาแม่ของแกเดี๋ยวนี้เลย บอกว่าแกจะไปเที่ยวต่างประเทศกับเพื่อนของแกสักสองสามวัน และรอให้อาการบาดเจ็บของแกหายแล้ว ค่อยไปพบกับแม่ของแกอีกครั้ง!”
…….
ในเวลาเดียวกัน
เมื่อเย่เฉินและหลิวม่านฉงมาถึงคฤหาสน์ของตระกูลหลิวที่อยู่ในถนนชือซุน หลิวเจียฮุยที่ตามหลังมาก็มาถึงเวลาที่ใกล้กัน
เมื่อเย่เฉินหยุดรถ และกำลังจะปลดเข็มขัดนิรภัยและกำลังจะลงจากรถ หลิวเจียฮุยก็ได้ลงจากรถอย่างรวดเร็ว และวิ่งไปที่เทสลา และเปิดประตูให้เย่เฉินอย่างขยันขันแข็ง
เย่เฉินไม่คาดคิดเลยว่า ด้วยร่างกายที่อ้วนท้วนของคุณพี่ผู้นี้ จะสามารถวิ่งได้เร็วขนาดนี้
ในเวลานี้ หลิวเจียฮุยได้ยืนอยู่นอกประตูแล้ว ยิ้มด้วยความเคารพและพูดว่า “คุณเย่ เชิญครับ”
เย่เฉินยิ้มเล็กน้อย “คุณหลิวเกรงใจมากเกินไปแล้ว”
หลิวเจียฮุยพูดอย่างเร่งรีบและขยันขันแข็งว่า “ยินดีครับ ยินดีครับ”
หลังจากพูดจบ เขาก็รีบถามเย่เฉินอย่างรวดเร็วว่า “มื้อเย็นที่คุณเย่รับประทานมาเป็นยังไงบ้างครับ? ถ้ายังไม่อิ่ม รับมื้อดึกสักหน่อยดีไหมครับ? ฉันได้สั่งให้พ่อบ้านไปซื้อห่านย่างมาให้คุณแล้ว ซื้อกลับมาแล้วท่านจะรับประทานสักหน่อยไหมครับ? เราก็สามารถดื่มด้วยกันสักหน่อยด้วย”
เย่เฉินยิ้มและพูดว่า “ฉันคิดว่าคุณหลิวไม่ชอบห่านย่าง”
หลิวเจียฮุยพูดโพล่งออกมาว่า “ฉันชอบ ฉันชอบมันมาก!”