ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4511 อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน 2
เย่เฉินรีบเอ่ยขึ้น: “นายหญิงใหญ่อย่าเกรงใจเลยครับ ลุงโจงเป็นเพื่อนก่อนที่พ่อผมจะเสีย เรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผมควรทำอยู่แล้ว”
สิ้นเสียง เย่เฉินก็ถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย: “ตอนนี้คุณรู้สึกว่าร่างกายเป็นยังไงบ้างครับ? มีความรู้สึกไม่สบายชัดเจนหรือเปล่า?”
นายหญิงใหญ่ตะลึงงันไปทันใด จากนั้นเอ่ยด้วยความประหลาดใจว่า: “เอ๊ะ พอได้ยินคุณพูดมาแบบนี้…เหมือนว่าฉันจะไม่มีตรงไหนไม่สบายเลยจริงๆ …”
สิ้นเสียง นายหญิงใหญ่ก็ลองลุกขึ้นนั่ง รู้สึกว่าร่างกายเบาสบายมาก ก่อนหน้านี้เป็นเพราะโรคหลอดเลือดในสมอง ก็ราวกับตนเองเสียชีวิตไปแล้วครึ่งหนึ่ง ทว่าตอนนี้กลับไม่มีความรู้สึกร่องรอยของโรคหลอดเลือดในสมองเลยแม้แต่น้อย สภาพร่างกายก็ดีขึ้นอย่างน่าประหลาด
ลูกชายลูกสาวสองสามคนนั้นก็ตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก
ต้องเข้าใจก่อนว่า ตั้งแต่ที่นายหญิงใหญ่เป็นโรคหลอดเลือดในสมองจนถึงตอนนี้ สภาพร่างกายพูดได้ว่าย่ำแย่จนถึงขีดสุด ถึงขั้นว่าหมอก็ยังรู้สึกว่านายหญิงใหญ่ใกล้จะจากไปแล้ว ไม่เกินวันสองวันก็อาจจากโลกนี้ไปแล้ว
ทว่า พี่ใหญ่เฉินจ้างโจงป้อนยาอายุวัฒนะที่ไม่ทราบชื่อให้นายหญิงใหญ่ไป ผลที่ได้คือไม่เพียงแค่ไม่มีอาการของโรคหลอดเลือดในสมองแล้ว ทั้งเนื้อทั้งตัวสดชื่นขึ้นมาก ช่างน่าทึ่งจนพูดไม่ออกเสียจริง
เฉินจ้างโจงรีบมองไปยังเย่เฉิน แล้วถามว่า: “คุณชายเย่ แม่ของผมออกจากโรงพยาบาลได้แล้วใช่ไหม?”
เย่เฉินพยักหน้า: “โดยรวมแล้วไม่ต้องอยู่สังเกตอาการที่โรงพยาบาลต่อแล้ว”
เฉินจ้างโจงตื่นเต้น รีบพูดกับนายหญิงใหญ่ว่า: “แม่ พวกเรากลับบ้านกันเถอะ!”
นายหญิงใหญ่รีบตอบว่า: “อย่าเพิ่งรีบร้อนกลับ กว่าแกจะกลับบ้านมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันได้ พวกเราควรจะไปซาหลิ่งก่อน แกไม่กลับมานานหลายปีขนาดนี้ ก็ต้องไปไหว้พ่อของแกก่อนสิ!”
“ซาหลิ่งงั้นเหรอ?” เฉินจ้างโจงถามด้วยความประหลาดใจอย่างถึงที่สุด แล้วถามว่า: “ฝังคุณพ่อไว้ที่ซาหลิ่งเหรอครับ? มันห่างไกลเกินไปหรือเปล่า ผมจำได้ว่าเมื่อก่อนที่นั่นเป็นสถานที่เอาไว้ฝังศพไร้ญาติโดยเฉพาะของฮ่องกางนี่นา…”
เฉินจ้างจู่ น้องชายที่อยู่ข้างๆ รีบอธิบายว่า: “พี่ใหญ่ พี่ไม่ได้กลับเกาะฮ่องกางมาหลายปีแล้ว เลยไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ของทางนี้ดีเท่าไร หลายปีมานี้ที่เกาะฮ่องกาง คนธรรมดาทั่วไปหาซื้อสุสานแบบนั้นได้ยากมาก สุสานที่ดีขึ้นมาหน่อยราคามากกว่าหนึ่งล้าน หรือหลายล้านเลย ปัจจุบันนี้ไปซื้ออัฐิจากป่าช้าที่ดีหน่อยก็ต้องจ่ายถึงสี่ห้าแสนแน่ะ…”
สิ้นเสียงเฉินจ้างจู่ก็ดวงตาแดงก่ำขึ้นมา เขาพูดต่อว่า: “ก่อนที่พ่อจะจากไปตอนปีนั้น เราใช้เงินจากทางบ้านรักษาท่านจนเกือบหมด หลังจากที่พ่อจากไปแล้ว ทางบ้านไม่มีกำลังซื้อสุสานแบบนั้นหรอก…”
“อย่าว่าแต่สุสานเลย ตอนนั้นแม้แต่อัฐิพวกเราก็ซื้อไม่ไหว โชคดีที่ตอนนั้นป่าช้าซาหลิ่งกำลังจะพัฒนา เลยสร้างสุสานใหม่ขึ้นมาและคุณฟางก็มาช่วยเหลือด้วย พวกเราถึงสามารถซื้อสุสานตามมาตรฐานให้คุณพ่อได้ เมื่อเทียบกับผู้ตายที่ได้บูชาแค่ในอัฐิแล้ว การที่คุณพ่อได้ถูกฝังจริงๆ คนในครอบครัวก็สบายใจ แบบนี้ถือว่าหาได้ยาก…”
น้องสาวคนเล็กของเฉินจ้างโจงพูดพลางสะอื้นขึ้นมา: “ต้องโทษพวกเราลูกๆ ที่ไม่มีความสามารถ…ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ต้องให้คุณฟางมาช่วย และเป็นเพราะเรื่องนี้หลิวเจียฮุยเลยด่าเธอไปยกใหญ่…”
เฉินจ้างโจงเม้มปาก เอ่ยถามต่อว่า: “เจียซิน…อ้อไม่สิ คุณนายหลิวมาบ่อยๆ เหรอ?”
น้องสาวคนเล็กของเฉินจ้างโจง อธิบาย: “ตอนแรกๆ มาบ่อยค่ะ ตอนที่หลิวเจียฮุยเพิ่งแต่งงานกับเธอเอาอกเอาใจเธอมาก เรื่องอะไรก็ตามใจเธอทุกอย่าง เพราะงั้นเธอเลยมาเยี่ยมคุณพ่อบ่อยๆ หลังจากที่คุณพ่อเสีย เธอก็ไม่กล้ามาอย่างโจ่งแจ้งแล้ว เลยมาน้อยครั้งลง เมื่อหลายวันก่อนตอนที่คุณแม่เข้าโรงพยาบาล เธอก็ยังตั้งใจมาที่นี่ด้วย แล้วก็ให้เงินด้วยค่ะ แต่พวกเราไม่ได้รับไว้…”