ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4519 ราวกับฟ้าผ่า 1
ณ ที่นี่ ไม่สำคัญว่าใครถูกใครผิด มองดูแวบเดียวก็เข้าใจ
เมื่อเย่เฉินเห็นว่าคนที่ไม่ชอบติดค้างใครมาโดยตลอด ตอนนี้ได้เปิดใจพูดออกมาแล้ว ภายในใจก็รู้สึกผ่อนคลายลงไม่น้อย จึงได้เอ่ยกับหลิวม่านฉงว่า: “คุณม่านฉง ในเมื่อเรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว งั้นนับแต่ตอนนี้ไป เราปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปเถอะนะ”
“ค่ะ” หลิวม่านฉงพยักหน้าเบาๆ ครั้นเมื่อนึกถึงเรื่องสตรีทฟู้ดที่เย่เฉินคุยกับพ่อเมื่อตอนบ่าย จึงถามอย่างสงสัย: “คุณเย่ ทำไมอยู่ๆ คุณถึงพูดเรื่องสตรีทฟู้ดกับพ่อฉันล่ะคะ? หรือว่าเขามีแผนการอย่างอื่นอยู่?”
“ใช่ครับ” เย่เฉินเอ่ย: “คุณหลิวอยากจะพัฒนาที่นี่ใหม่ สร้างเป็นศูนย์กลางการค้า”
หลิวม่านฉงถามอย่างประหลาดใจ: “เขาบอกคุณเหรอ?”
“ถูกครับ” เย่เฉินพยักหน้า เอ่ยว่า: “ตอนที่เขาอธิบายส่วนนี้ตื่นเต้นมาก ผมว่าเขาน่าจะมีแนวโน้มว่าตัดสินใจแล้ว เพราะงั้นเลยหยิบยืมโอกาสนี้ ให้เขาโอนสตรีทฟู้ดเส้นนี้ให้คุณซะเลย ต่อจากนี้ไปคุณจะเก็บไว้หรือปล่อยไป ก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้ว”
หลิวม่านฉงมองดวงตาอันแวววาวของเย่เฉิน เอ่ยถามเสียงเบา: “ทำไมคุณถึงทำแบบนี้ล่ะคะ?”
เย่เฉินเอ่ย: “เพราะสตรีทฟู้ดเส้นนี้มีความหมายไม่ธรรมดาสำหรับคุณ ไม่ว่าจะมองหลักการไหนก็ควรเก็บเอาไว้ อีกอย่างพ่อของคุณไม่ขาดเงินเลยด้วยซ้ำ อันที่จริง ต่อให้ที่ดินของที่นี่เพิ่มขึ้นมาก เขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องรื้อถอนที่นี่แล้วสร้างขึ้นใหม่เลย”
ถึงตรงนี้ เย่เฉินก็ตัดพ้อ เอ่ยว่า: “แต่ความคิดของคนรวยเป็นยังไงคุณก็น่าจะรู้ดี พวกเขาเห็นแก่เงินทอง ไม่เคยคิดว่ามีพอใจก็พอแล้ว แต่หาเงินจนเป็นบ้าเป็นหลัง เพราะงั้นถ้าผมไม่ตั้งเงื่อนไขกับเขา เกรงว่าเขาจะรื้อถอนที่นี่จริงๆ ถึงเวลานั้นเมื่อคุณอยากย้อนรอยความทรงจำของที่นี่ ก็คงเป็นไปไม่ได้หรอก”
หลิวม่านฉงรู้สึกตื้นตันใจ มองหน้าเย่เฉิน เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนนุ่มนวล: “ขอบคุณนะคะ…”
เย่เฉินยิ้ม: “ไม่ต้องเกรงใจ ความรู้สึกแบบนี้ของคุณผมเข้าใจดี ตอนที่พ่อผมเสียไป ผมมักจะไปดูแถวละแวกบ้านเก่าของเราบ่อยๆ บางครั้งไปขนอิฐที่ไซต์งานไกลๆ พอเลืกงานก็ขี่จักรบานไปดูสักหน่อย ถ้าตรงนั้นถูกรื้อไป ผมคงเสียใจมากๆ เหมือนกัน”
หลิวม่านฉงถามอย่างประหลาดใจ: “คุณเย่เคยขนอิฐที่ไซต์ก่อสร้างด้วยเหรอคะ?!”
เย่เฉินพยักหน้า เอ่ยว่า: “หลังจากที่ผมเรียนจบมัธยมปลายตอนอายุ 18 ปี ก็เริ่มไปรับจ้างทำงานขนอิฐตามไซต์งานต่างๆ เคยทำไซต์งานวิศกรรมโยธา และเคยทำไซต์งานตกแต่งภายใน”
หลิวม่านฉงตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง ขณะเดียวกันก็ถามด้วยความไม่เข้าใจ: “แต่ว่าครอบครัวคุณสูงส่งขนาดนั้น ทำไมต้องไปทำงานไซต์ก่อสร้างด้วยล่ะคะ? ไม่ว่าจะเป็นพ่อหรือตาของคุณ พวกเขาเป็นมหาเศรษฐีทั้งนั้น โดยเฉพาะตาของคุณ ตามที่พ่อฉันบอกท่านสามารถจัดอันดับเป็นสามอันดับแรกของโลกเลย ทำไมพอคุณเรียนม.ปลายจบแล้วต้องไปขนอิฐที่ไซต์ก่อสร้างด้วยล่ะ?”
เย่เฉินเอ่ยราบเรียบ: “พวกเขารวยก็เป็นของพวกเขา เมื่อก่อนผมเคยบอกคุณแล้ว หลังจากที่พ่อแม่เสียเมื่อผมแปดขวบ ผมก็อาศัยอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ตั้งแต่แปดขวบจบม.ปลายตอนอายุสิบแปดก็ออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แล้วก็เริ่มไปทำงานรับจ้างหาเงินที่ไซต์งานก่อสร้างแล้ว”
หลิวม่านฉงได้ยินถึงตรงนี้ ก็พยักหน้าเบาๆ แล้วเอ่ยเสียงเบาว่า: “ตอนโกรธคุณ ฉันคิดว่าคุณโกหกฉันทุกเรื่อง แต่ตอนนี้พอย้อนกลับไปดู เหมือนว่าคุณจะบอกเรื่องจริงกับฉันหมดเลย ต่อให้ไม่สะดวกที่จะพูดตรงๆ คุณก็แค่เลือกที่จะพูดส่วนหนึ่ง ไม่เคยหลอกฉันเลย”
สิ้นเสียง หลิวม่านฉงก็ถามเย่เฉินอีกว่า: “จริงสิ คุณทำงานที่ไซต์งานก่อสร้างนานเท่าไร?”