ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4569 เพื่อความรัก (2)
เฉินจื่อเซียวนยิ้มพร้อมกับพูด “เรื่องเป็นการเป็นงานไม่น่าสนใจเท่าเรื่องคนอื่น!”
ขณะที่พูด อยู่ๆเธอก็นึกขึ้นได้ แล้วอุทานในทันที “พี่ม่านฉง คนที่พี่รัก คงไม่ใช่ผู้ชายคนนั้นที่พี่พามา เมื่อตอนขายของการกุลที่จิมซาจุ่ยนะ? ตอนนั้นเขายังบอกว่าพี่เป็นคู่หมั้นของเขา หรือว่าพวกพี่เป็นชู้กันจริงๆด้วย?!”
หลิวม่านฉงมองอย่างสงบนิ่ง พูดอย่างไม่มีทางเลือก “เธอไม่ต้องหยาบคายขนาดนั้นได้มั้ย พี่กับคุณเย่เราบริสุทธิ์ใจกัน ทำไมถึงมาพูดว่าเป็นชู้กัน………”
“ยังจะมาคุณเย่…….ยังจะมาบริสุทธิ์……..” เฉินจื่อเซียวนแลบลิ้น พูดอย่างหยอกล้อ ฉันเดาว่าในใจพี่น่าจะเริ่มตั้งชื่อลูกในอนาคตของพี่สองคนแล้วมั้ง? เขาแซ่เย่ งั้นชื่อลูกของพวกพี่ควรจะเรียกเย่อะไรดีนะ? เออ ใช่แล้ว หากไม่รังเกียจล่ะก็ ฉันจะเป็นแม่บุญธรรมของลูกพี่ พี่มองว่าไง?
หลิวม่านฉงรู้สึกใบหน้าบวมขึ้นมาเล็กน้อย และพูดอย่างเคืองๆ” เซียวนเซียวน วันหลังหากเธอยังหยาบคายแบบนี้ ต่อไปพี่ควรที่จะอยู่ห่างๆเธอถึงจะดี!”
เฉินจื่อเซียวนเบ้ปากแล้วถามเธอ “พี่ม่านฉง สะดวกเมื่อไหร่ ก็เรียกเขาออกมาทานข้าวด้วยกันซักมื้อสิ? คนอย่างฉัน ไม่มีความสามารถอะไร แต่เรื่องสแกนผู้ชายนั้นสุดยอด เขาดีหรือเลว แค่ทานข้าวด้วยกันหนึ่งมื้อฉันก็ดูออกแล้ว!”
หลิวม่านฉงพูดอย่างเศร้าเล็กน้อย “ไม่มีโอกาสแล้วล่ะ คืนนี้เขาก็จะไปจากฮ่องกงแล้ว”
“ห๊า?” เฉินจื่อเซียวนถามาอย่างประหลาดใจ “เขาจะกลับไปที่จีนเหรอ? ถ้าหากฉันเดาไม่ผิด เขาน่าจะเป็นคนเมืองจิงหลิงใช่มั้ย?”
หลิวม่านฉงที่ในใจรู้สึเสียดาย เวลานี้เขาก็ไม่ได้พยายามปกปิดแล้ว ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “เขากลับสหรัฐอเมริกา”
“กลับสหรัฐอเมริกา?” เฉินจื่อเซียวนรีบถาม “แล้วพี่จะไปเมืองจิงหลิงทำไม? ก็ไปหาเขาที่สหรัฐอเมริกาสิ!”
หลิวม่านฉงที่เอามือเท้าคางไว้ สายตาเหม่อมองไปกำแพงที่อยู่ไม่ไกล ในปากก็บ่นพึมพำ “เขากลับไปอยู่เป็นเพื่อนภรรยาที่เรียนอยู่สหรัฐอเมริกา เดือนหน้าก็จะกลับมาเมืองจิงหลิงแล้ว”
เฉินจื่อเซียวนถามอย่างตะลึงงัน “พี่ม่านฉง……..พี่…….พี่พูดอะไรนะ?! เขา……เขา……เขา…..มีเมียแล้ว?”
“ใช่จ้า” หลิวม่านฉงพยักหน้า พูดอย่างจริงจัง “เขาแต่งงานได้สี่ปีแล้ว”
“โอ้โห…..” เฉินจื่อเซียวนไม่อยากจะเชื่อไปชั่วขณะหนึ่ง พูดโพล่งออกมา “พี่ม่านฉง พี่…..พี่…..พี่คิดอะไรอยู่เนี่ย…..”
หลิวม่านฉงหมุนปากกาในมือโดยไม่รู้ตัว แล้วบ่นพึมพำ “พี่ไม่ได้คิดอะไร พี่เพียงแต่ห้ามใจตัวเองไม่ได้”
ขณะที่พูด อยู่ๆเธอก็มองดูเวลาที่มุมขวาล่างของคอมพิวเตอร์ พูดโพล่งออกมา “แย่แล้ว สี่โมงกว่าแล้ว พี่ต้องถามเขาก่อนว่าจะไปเมื่อไหร่”
……
หลังจากที่คุยกับเฟ่ยเข่อซินแล้ว เย่เฉินก็หนดเวลาให้เครื่องออกเดินทางในคืนนี้หนึ่งทุ่ม
ที่เลือกบินเวลาหนึ่งทุ่ม เป็นเพราะเครื่องบินส่วนตัวของเฟ่ยเข่อซินใช้เวลาประมาณสิบสองชั่วโมงในการบินไปยังเมืองพรอวิเดนซ์ ถึงเมืองพรอวิเดนซ์ในเวลาหนึ่งทุ่มตามเวลาท้องถิ่นพอดี เวลานี้เป็นเวลาที่เหมาะกับการลงจอด ถ้าออกเร็วเกินไปมันจะไปบีบรายการวันสุดท้ายของเย่เฉินบนเกาะฮ่องกง หากลงจอดกลางดึกไปแล้ว ก็จะรบกวนการพักผ่อนของเซียวชูหรัน
เพียงแต่ว่า เวลาหนึ่งทุ่มแบบนี้ สำหรับเฉินจ้างโจงกับหลิวเจียฮุยแล้ว มันก็ตะขิดตะขวงอยู่เล็กน้อย
เพราะทั้งสองคนต่างก็อยากจะเลี้ยงข้าวเย่เฉินเป็นการส่วนตัว เฉินจ้างโจงอยากให้คนในครอบครัวขอบคุณเย่เฉิน แต่หลิวเจียฮุยนั้นอยากจะใช้โอกาสนี้ กระชับความสัมพันธ์กับเย่เฉินให้แน่นแฟ้นมากขึ้น
แต่น่าเสียดาย เวลาเดินทางของเย่เฉินไม่ทันที่จะจัดอาหารค่ำได้เลยจริงๆ เพราะคำนึงถึงขั้นตอนต่างๆในเช็คอินของการไปต่างประเทศ เย่เฉินตัดสินใจออกเดินทางไปยังสนามบินในเวลาห้าโมงเย็น เวลานี้ มันก็ไม่เหมาะที่จัดรายการทานอาหารค่ำเข้าไปด้วย
เมื่อเย่เฉินได้รับข้อความที่หลิวม่านเฉินส่งมา ถามเขาว่าเครื่องออกเมื่อกี่โมงนั้น เย่เฉินจึงได้ส่งเวลาที่กำหนดในเบื้องต้นให้เธอ
หลิวม่านฉงได้รับข้อความตอบกลับมาของเย่เฉิน ก็ลุกขึ้นอย่างในทันที พูดกับเฉินจื่อเซียวนอย่างรีบร้อน“เซียวนเซียวน พี่ต้องไปก่อนแล้ว ของขวัญที่พี่เตรียมไว้ให้เขาเมื่อครึ่งชั่วโมงเพิ่งจะถึงเกาะฮ่องกง พี่ยังไม่ได้ไปเอาเลย!”