ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4580 แค่ส่วนหนึ่งที่เห็น (1)
เฟ่ยเข่อซินถามด้วยความไม่รู้ : “คุณเย่ ทำไมคุณถึงคิดแบบนั้นละ? เท่าที่ฉันรู้มา บนโลกใบนี้แม้จะซ่อนอยู่ด้วยตระกูลที่ร่ำรวยมากมาย แต่ด้วยความสามารถของตระกูลเฟ่ย ไม่กล้าพูดว่าจะอยู่ในห้าอันดับแรกของโลก แต่ในสิบอันดับนั้นไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน ด้วยทรัพย์สินของคุณในตอนนี้ ก็ไม่ได้อยู่ใต้ตระกูลเฟ่ย คนที่แข็งแกร่งกว่าพวกเรา นั้นน้อยมาก
เย่เฉินส่ายหน้าเบาๆ มองผ่านหน้าต่างเห็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่อยู่สูงกว่าหมื่นเมตร แล้วถอนหายใจเบาๆ ความรู้ของพวกเราถูกจำกัดด้วยสายตา เมื่อก่อนผมคิดว่า ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกนี้ ก็คือตระกูลรอธส์ไชลด์ คนอื่นๆ ก็อาจจะมีทรัพย์สินแค่สิบล้านล้านหยวน หรือยี่สิบล้านล้านหยวน แต่ว่าตั้งแต่ครอบครัวคุณปู่ถูกทำร้าย ทำให้ผมรู้ว่า โลกใบนี้ แตกต่างจากความเข้าใจของผมในเมื่อก่อน ”
เฟ่ยเข่อซินรีบถาม “ความหมายของคุณคือ ในโลกนี้ยังมีตระกูลที่แข็งแกร่งกว่าตระกูลรอธส์ไชลด์?”
เย่เฉินยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้ตอบคำถามของเฟ่ยซินเข่อ กลับถามไปว่า คุณคิดว่าเราควรใช้อะไรมาวัดความแข็งแกร่งของตระกูลหรือองค์กรเหรอ?
เฟ่ยเข่อซินครุ่นคิด แล้วพูดอย่างจริงจัง “วัดจาก กำลังคน สิ่งของ ทรัพย์สินเหล่านี้มั้ง แต่ทรัพย์สินน่าจะสำคัญที่สุด”
เย่เฉินพยักหน้า “แต่ก่อนผมก็คิดว่าทรัพย์สินสำคัญที่สุด อย่างไรเสีย การจัดอันดับความร่ำรวยล้วนวัดจากจำนวนเงินทั้งนั้น”
พูดถึงตรงนี้ น้ำเสียงของเย่เฉินก็เปลี่ยนไปในทันที และพูดอย่างเคร่งขรึม “แต่ว่า อยู่ๆผมก็มีความถามขึ้นมา หากตระกูลที่มีเงินมากมาย เงินสำหรับเขา ไม่ได้กลายเป็นตัวเลขที่มากมายนานแล้ว และไม่มีความหมายใดๆอีก เขาพวกจะทำอะไรต่อไป?”
เฟ่ยเข่อซิน ถามอย่างงงงวย “คุณเย่ ความหมายของคุณคือ?”
เย่เฉินพูดขึ้น “คุณดูสิ พวกคนรวยหรือพวกตระกูลที่ร่ำรวยที่เราเคยสัมผัสมา พวกเขาชอบทำเรื่องที่สามารถต่อยอดทำเงินได้ ก็เหมือนกับชาวยิว เกิดมาก็หาเงินเป็น และมีพรสวรรค์ในการใช้เงินหาเงินที่มากกว่า มันถึงทำให้พวกเขาเลือกใช้เงินกับสิ่งที่สามารถเพิ่มมูลค่า หรือเพิ่มความมั่งคั่งเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็จะถูกเงินบังตาอย่างมืดมิด”
พูดถึงตรงนี้ เย่เฉินพูดต่ออีกว่า “ถ้าตระกูลเศรษฐี มองทะลุถึงการที่มีเงินที่มากเกินไป เห็นมันเป็นเพียงตัวเลขหรือเกม และใช้เงินไปกับพวกสิ่งของบริโภคในชีวิตประจำวันทั่วไป บางทีก็ไม่มีทางที่จะแสดงมูลค่าที่เป็นรูปธรรมออกมาได้เลย แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น?”
“ใช้เงินไปกับการบริโภคทั่วไปเท่านั้น เฟ่ยเข่อซินขมวดคิ้วครุ่นคิด ยังคงไม่ค่อยเข้าใจ ก็พูดอย่างเก้อเขิน “คุณเย่ ฉันยังคงไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดี คุณสามารถที่จะอธิบายเพิ่มเติมหน่อยมั้ยคะ?”
เย่เฉินตอบอย่างจริงจัง “ตัวอย่างที่ง่ายที่สุด ตระกูลรอธส์ไชลด์ที่มีทรัพย์สินมากว่าสิบล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ล้วนเอาไปลงทุนในธรุกิจที่สามารถแสดงมูลค่าออกมา อย่างเช่นการลงทุนพวกหิน ลงทุนเหมืองแร่ ลงทุนกับบริษัทหลักทรัพย์ห้าร้อยอันดับแรกของโลก หรือลงทุนตั้งธนาคารเองโดยตรง โดยอาศัยธนาคารในการปล่อยเงินกู้ให้กับบริษัทเพื่อกินดอกที่สูงหรือเป็นผู้ถือหุ้น”
“เงินพวกนี้ถึงแม้จะใช้จ่ายไปแล้วก็ยังนับเป็นสินทรัพย์ได้อยู่ มันก็คือการแปลงสินทรัพย์ในรูปแบบหนึ่งเท่านั้น เช่นผมมีเงินหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ แล้วใช้เงินห้าสิบล้านดอลลาร์สหรัฐซื้อบ้านหรูหนึ่งหลังที่นิวยอร์ค สินทรัพย์ของผมก็จะกลายเป็นเงินสดห้าสิบล้านดอลลาร์ อสังหาริมทรัพย์อีกห้าสิบล้านดอนลาร์………..”
“หรือบางที ผมอาจจะใช้เงินยี่สิบล้านดอลลาร์ไปแลกเปลี่ยนเป็นบ้านหนึ่งล้าน หรือเปลี่ยนเป็นหุ้นยี่สิบล้าน หรือเปลี่ยนเป็นหุ้นยี่สิบล้านเพื่อให้ได้เป็นผู้ถือหุ้น20%ของบ่อน้ำมัน หรือใช้เงินยี่สิบล้านในการซื้อภาพวาดที่วาดโดยศิลปินที่มีชื่อเสียง จากนั้นผมก็เก็บเงินยี่สิบล้านไว้เป็นเงินทุนหมุนเวียน จริงๆแล้วมันก็คือการแปลงเงินสดเป็นสินทรัพย์เท่านั้นเอง มันอาจเพิ่มมูลค่าได้ในอนาคต”