ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4589 ตั้งหน้าตั้งตารอ
หลังจากนั้น เธอวิเคราะห์อย่างจริงจังว่า “ที่รัก คุณคิดดูสิ ฉันรู้จักนิสัยของคุณแม่ดีที่สุด และคุณก็น่าจะรู้เช่นกัน คุณแม่เป็นคนที่ชอบโอ้อวด อย่าพูดถึงว่าคุณมอบสร้อยคอให้คุณแม่หนึ่งเส้น แค่คุณมอบโซฟาที่แพง ๆ ให้คุณแม่ คุณแม่ก็แทบอยากจะลากออกไปโชว์กลางถนน แต่เมื่อสักครู่คุณมอบสร้อยคอราคาแพงให้คุณแม่ นึกไม่ถึงว่าคุณแม่จะไม่สวมทันที แต่กลับเก็บมันไว้เอาไว้…..นี่…..นี่มันไม่แปลกเหรอ?”
เมื่อเย่เฉินได้ยินการวิเคราะห์ของเซียวชูหรันแล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะชื่นชมภรรยาที่โง่เขลาของตนเอง
ดูเหมือนว่าเซียวชูหรันจะรู้จักแม่ของตนเองเป็นอย่างดี ด้วยนิสัยของหม่าหลันแล้ว เมื่อเธอมีของมีค่าแล้วจะเก็บไว้ มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ดังนั้น เมื่อสักครู่หม่าหลันเก็บสร้อยคอที่ตนเองมอบให้อย่างระมัดระวัง สำหรับเธอแล้วการกระทำเช่นนี้ค่อนข้างจะผิดปกติ
แต่เย่เฉินรู้อย่างชัดเจนว่าทำไมหม่าหลันถึงทำเช่นนั้น
เหตุผลไม่มีอะไรมากไปกว่าคำพูดเมื่อสักครู่ของตนเอง ที่บอกว่ายิ่งสภาพดี ขายมือสองก็จะได้ราคาดียิ่งขึ้น
เดาว่าหม่าหลันเสียดายที่จะใส่ ต้องการนำมันกลับในสภาพสินค้าใหม่ เพื่อจะขายได้ราคาดีขึ้น
ดังนั้นเย่เฉินกล่าวกับเซียวชูหรันด้วยรอยยิ้มว่า “ผมวิเคราะห์แล้ว คุณแม่อาจคิดว่าตอนนี้เวลาค่ำแล้ว ถึงแม้ว่าจะใส่ออกไปคนอื่นก็มองไม่ออก อีกอย่างคุณแม่ไปที่กลุ่มเดินวิบากอาจจะต้องเคลื่อนไหวมาก ซึ่งไม่เหมาะกับการสวมใส่เครื่องประดับ คุณอย่าคิดมาก”
เซียวชูหรันส่ายศีรษะและกล่าวอย่างจริงจัง “ฉันคิดว่าเรื่องมันไม่ง่ายขนาดนั้น คุณคอยดูสิว่าพรุ่งนี้คุณแม่จะสวมสร้อยเส้นนั้นไหม ถ้าพรุ่งนี้คุณแม่ไม่สวม ฉันเดาว่าคุณแม่อยากจะขายสร้อยคอเส้นนั้นอย่างแน่นอน”
เย่เฉินคิดไม่ถึงว่าเซียวชูหรันจะทำนายหม่าหลันได้แม่นยำขนาดนี้ เขาจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คุณอย่าคิดมากขนาดนั้น ในเมื่อผมมอบให้คุณแม่แล้ว คุณแม่จะทำอย่างไรมันก็เป็นสิทธิ์ของคุณแม่ พวกเราไม่มีสิทธิ์ยุ่ง”
“นอกจากนี้ ผมคิดว่าคุณแม่จะไม่ทำแบบนั้นหรอก ถ้าคุณไม่เชื่อ เมื่อพวกเรากลับหัวเซี่ยแล้ว คุณก็คอยดูว่าสร้อยคอของคุณแม่ยังอยู่หรือไม่? ก็จะรู้แล้ว”
เซียวชูหรันอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและกล่าวด้วยความจำใจว่า “ฉันก็ไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเรื่องของคุณแม่หรอก แต่คนอย่างคุณแม่บางครั้งก็ทำให้คนอื่นผิดหวังจริง ๆ สร้อยคอเส้นนี้คุณเป็นคนมอบให้คุณแม่ หวังว่าคุณแม่จะไม่เห็นแก่ผลประโยชน์จนนำมันไปขาย”
เย่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “วางใจเถอะ เมื่อพวกเรากลับไปแล้ว สร้อยคอเส้นนี้ยังคงอยู่อย่างแน่นอน”
เซียวชูหรันไม่รู้ว่าทำไมเย่เฉินถึงได้มั่นใจขนาดนั้น แต่ปัญหาสมมุติแบบนี้ ไม่ควรที่จะพูดคุยกลึกเกินไป ดังนั้นเธอจึงพยักหน้า ถอนหายใจและกล่าวว่า “หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น…..”
……
ขณะนี้ นครนิวยอร์ก ณ.ตระกูลเฟ่ย
นับตั้งแต่ตอนที่เฟ่ยเข่อซินกับเย่เฉินนั่งเครื่องบินจากเกาะฮ่องกง เฟ่ยเจี้ยนจงก็ตั้งหน้าตั้งตารออยู่ที่บ้านอย่างใจจดใจจ่อ และรอเป็นเวลาทั้งวัน
ถึงแม้ว่าเฟ่ยเจี้ยนจงอาศัยยาช่วยหัวใจครึ่งเม็ดที่เย่เฉินมอบให้จนสามารถช่วยชีวิตตนเองเอาไว้ได้ แต่เขารู้อย่างชัดเจนว่าตอนนั้นตนเองกำลังจะตาย ประสิทธิภาพของยามากกว่าครึ่งเป็นการช่วยชีวิต ไม่ใช่ช่วยยืดชีวิต
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมตอนนั้นเย่เฉินจึงกล่าวว่ายาเม็ดครึ่งเม็ดสามารถทำให้เขามีชีวิตอยู่ได้อีกหนึ่งปี อย่างมากที่สุดก็สองปี
เป็นเพราะเหตุนี้เอง ทำให้เฟ่ยเจี้ยนจงได้เริ่มนับถอยหลังชีวิตของตนเอง เขาตั้งความหวังส่วนใหญ่ไว้ที่การประมูลยาอายุวัฒนะในปีหน้า แต่เขายังคงกังวลเรื่องนี้มาก
เพราะตอนนี้ตนเองไม่ใช่ผู้นำตระกูลเฟ่ยแล้ว เมื่อก่อนตอนที่ตนเองเป็นผู้นำตระกูลเฟ่ย ก็ยังไม่สามารถประมูลยาอายุวัฒนะได้สำเร็จ ตอนนี้ตนเองได้สละตำแหน่งแล้ว สถานการณ์ปีหน้ายังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด