ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4594 มีเรื่องดีอะไร? 2
เนื่องจากเธอหายใจโดยอ้าปาก ไม่ช้าเธอก็รู้สึกคอแห้งเล็กน้อย ลมหายใจไม่สม่ำเสมอ ซึ่งทำให้เธอไม่สามารถเดินตามจังหวะของทุกคนได้ เธอจึงค่อย ๆ รั้งท้ายขบวน
ขณะนี้ รองหัวหน้ากลุ่มเดินวิบากซึ่งเป็นหญิงชาวหัวเซี่ยที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา เมื่อเห็นว่าหม่าหลันรั้งท้ายขบวน เธอจึงรีบวิ่งเข้าไป และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “โอ้ หม่าหลันทำไมวันนี้คุณถึงได้รั้งท้ายขบวนล่ะ?”
ผู้หญิงคนนี้ชื่อเฉินลี่ผิง แก่กว่าหม่าหลันสองปี หม่าหลันจึงเรียกเธอว่าพี่เฉิน
พี่เฉินอยู่ที่สหรัฐอเมริกาแต่ไม่ได้ทำงาน ว่ากันว่าลูกชายกับลูกสะใภ้มีธุรกิจในสหรัฐอเมริกา เธอกับสามีอาศัยอยู่กับพวกเขาที่สหรัฐอเมริกา และช่วยพวกเขาเลี้ยงลูก
เรื่องบังเอิญคือบ้านเกิดของพี่เฉิน อยู่ในมณฑลเดียวกับหม่าหลัน ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในเมืองเดียวกัน แต่ทั้งสองเมืองอยู่ทางเหนือกับทางใต้ ซึ่งห่างกันไม่มาก
ปกติแล้วหม่าหลันเป็นคนที่เย่อหยิ่ง ถ้าเธอเจอคนบ้านเดียวกัน จะไม่มีความรู้สึกว่าเห็นคนบ้านเดียวกันแล้วรู้สึกดีใจ เหตุผลที่เธอสนิทกับพี่เฉิน นั่นเป็นเพราะเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของพี่เฉินไม่ธรรมดา แค่สร้อยข้อมือดอกไม้บนมือของพี่เฉินก็มีมูลค่าอย่างน้อยสี่ห้าล้านแล้ว ส่วนรถที่ขับมาเดินวิบาก เป็นรถปอร์เช่ คาเยนน์ระดับสูงที่มีมูลค่าหลายหมื่นดอลลาร์
หม่าหลันเป็นคนที่เคยเห็นสินค้าระดับสูง ดังนั้นแค่มองแวบเดียวเธอก็สามารถมองออกว่าครอบครัวพี่เฉินต้องร่ำรวยมาก สิ่งที่ไม่เหมือนตนเองคือ ถึงแม้ว่าตนเองจะอาศัยอยู่ในคฤหาสน์หรูและขับรถหรู แต่มันไม่ใช่ของตนเอง ทรัพย์สินที่ใช้ได้ของตนเองนั้นมีน้อยจนน่าสงสาร
เป็นเพราะเหตุนี้ ทำให้เธอสนิทกับพี่เฉินมากขึ้น
เมื่อเห็นว่าพี่เฉินเดินมาถาม หม่าหลันหายใจหอบและอธิบายว่า “โอ้ พี่เฉิน ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นอะไร ฉันคอแห้งมาก รู้สึกว่าใช้พลังมากว่าปกติ”
เฉินลี่ผิงอธิบายด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนที่คุณเดินต้องจำไว้ว่าต้องปิดปากแล้วหายใจทางจมูก ต้องปรับจังหวะการหายใจ แบบนี้ร่างกายถึงจะอยู่ในสภาพดีที่สุด”
หม่าหลันพยักหน้าและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “โอเค ฉันจะปรับเปลี่ยน พี่เฉิน คุณตามกลุ่มไปก่อน ไม่ต้องสนใจฉัน ฉันจะเดินตามช้า ๆ”
เฉินลี่ผิงโบกมือ “เป้าหมายของกลุ่มเดินวิบากของพวกเราคือการไม่ละทิ้ง ไม่ยอมแพ้ แล้วจะทิ้งคุณไว้ข้างหลังได้อย่างไร? ฉันจะเดินเป็นเพื่อนคุณ บังเอิญวันนี้ไขข้อของฉันเจ็บนิดหน่อย ไม่เหมาะกับการเดินเร็ว”
หม่าหลันถามเธอว่า “ไขข้อของพี่เฉินเป็นอะไร? คุณเป็นโรคไขข้ออักเสบเหรอ?”
เฉินลี่ผิงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เป็นปัญหาเล็กน้อย ปกติสองสามวันก็หายแล้ว”
หลังจากนั้นเธอก็เปลี่ยนเรื่อง และถามด้วยความสงสัยว่า “จริงสิ หม่าหลันวันนี้มีเรื่องดีอะไรเหรอ? ทำไมคุณถึงได้มีความสุขมากขนาดนี้ ฉันเห็นยิ้มตลอดเลย มีเรื่องอะไรดี ๆ เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม?”
หม่าหลันกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไรหรอก ประเด็นสำคัญคือฉันกำลังจะกลับหัวเซี่ยแล้ว ช่วงนี้อยู่ที่สหรัฐอเมริกาจนพอแล้ว อยากกลับไปเร็ว ๆ”
เฉินลี่ผิงตะลึงครู่หนึ่ง แววตาของเธอเปลี่ยนแปลง จากนั้นเธอกล่าวด้วยความอาลัยว่า “โอ้ คุณมาแค่ไม่กี่วันเองจะกลับแล้วเหรอ เป็นเรื่องยากที่ฉันจะเจอเพื่อนที่นิสัยเข้ากันได้ พวกเราสองคนเพิ่งรู้จักกันไม่กี่วันเอง ยังคบหากันไม่พอเลย”
หม่าหลันกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไร พี่เฉิน พวกเรามีช่องทางการติดต่อแล้ว ต่อไปคุณก็มาที่หัวเซี่ยได้ หรือฉันมาหาคุณที่สหรัฐอเมริกาก็ได้ พวกเราก็สามารถพบหน้ากันได้”
เฉินลี่ผิงกล่าวด้วยสีหน้าเศร้า “เฮ้อ ฉันคิดจะเชิญคุณไปทานอาหารที่บ้าน แล้วแนะนำสามี ลูกชายและลูกสะใภ้ให้คุณรู้จัก”
หม่าหลันกล่าวด้วยความประหลาดใจ “โอ้ ประจวบเหมาะเลย เพราะวันศุกร์พวกเราจะไปนครนิวยอร์กแล้ว คืนพรุ่งนี้เป็นไง? ฉันจะพาลูกสาวกับลูกเขยไปเยี่ยมถึงบ้าน!”
เฉินลี่ผิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็ตกลง “โอเค ถ้าเช่นนั้นพวกเราตกลงตามนั้น!”