ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4609 ยิ่งใหญ่เท่าภูเขา1
เย่เฉินเอ่ยพูดอย่างไม่หยุดคิด “ไม่ต้องหรอก ตอนมาก็ให้เธอนั่งเครื่องบินส่วนตัวแล้ว ตอนกลับไม่ต้องให้นั่งอีกก็ได้ คนทั่วไปรู้ไม่เท่าทันอุบายคนอย่างแม่ยายของผมหรอก ผมอยากให้เธอติดดินบ้าง ไม่อย่างนั้นคงได้เหลิงกว่าเดิมแน่ แล้วด้วยนิสัยของเธอ ถ้าเหลิงไปมากกว่านี้ ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง”
เฟ่ยเข่อซินได้ยินสิ่งนี้ ก็แอบขำออกมา
อันที่จริงตอนที่เธออยู่เมืองจินหลิง ก็เคยสืบเกี่ยวกับเย่เฉินและครอบครัวของภรรยาเย่เฉินมาบ้างแล้ว กับหม่าหลัน แม้ว่าเฟ่ยเข่อซินจะไม่ได้รู้จักมักจี่ แต่ก็พอจะรู้ว่าหม่าหลันมีนิสัยแปลกๆที่ไม่เหมือนใครอยู่บ้าง
ดังนั้น เธอจึงไม่ได้ดึงดันต่อ เอ่ยพูดยิ้มๆว่า “คุณเย่ พรุ่งนี้เข่อซินจะรอการมาเยือนของคุณอยู่ที่บ้านนะ!”
วันถัดมา เย่เฉินและเซียวชูหรัน พาหม่าหลันเที่ยวในนิวยอร์กตลอดทั้งวัน
ช่วงเที่ยง เย่เฉินก็อ้างกับทั้งสองว่า มีลูกค้านัดคุยกับเขาตอนค่ำ ทั้งสองคนไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะรู้ว่า “งาน” ของเย่เฉินค่อนข้างยุ่งอยู่แล้ว จึงทำใจไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ
เย่เฉินพาทั้งสองไปทานข้าวเย็นเสร็จ ก็ขับไปส่งทั้งสองที่โรงแรม จากนั้นตัวเขาก็ขับรถไปยังคฤหาสน์ส่วนตัวของตระกูลเฟ่ยที่เกาะลอง
เดิมที เย่เฉินแค่อยากมาเยี่ยมคุณท่านเฟ่ยเท่านั้น แต่ก็เห็นแก่หน้าเฟ่ยเข่อซิน ให้คำสัญญาที่เธอคอยถวิลหา และชีวิตที่เหลือต่อจากนี้ เขาต้องคอยช่วยเหลือเฟ่ยเข่อซิน
แต่สิ่งที่ทำให้เย่เฉินคิดไม่ถึงก็คือ พอรู้ว่าเขาจะมา คุณท่านเฟ่ยก็แจ้งทุกคนในตระกูลเฟ่ย ทั้งญาติสนิทมิตรชิดใกล้ที่มีสายเลือดตระกูลเฟ่ย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ให้รีบกลับมาต้อนรับการมาเยือนของเย่เฉินในค่ำคืนนี้
ถึงยังไงเฟ่ยเจี้ยนจงก็เป็นบุคคลที่มีอำนาจอันดับสองในตระกูลเฟ่ย ดังนั้นถ้าเฟ่ยเข่อซินไม่ได้แสดงออกว่าไม่เห็นด้วย ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของเขาทั้งนั้น
ดังนั้น ในตอนที่เย่เฉินขับรถเข้าในคฤหาสน์ของเย่เฉิน ก็พบว่ามีคนมายืนเรียงต้อนรับอย่างนอบน้อมตลอดสองข้างทาง แถมยังเป็นคนของตระกูลเฟ่ยทั้งหมดด้วย
และคนที่ยืนรออยู่ตรงปลายแถว ก็คือสองปู่หลายอย่างเฟ่ยเข่อซินและเฟ่ยเจี้ยนจง
เมื่อเย่เฉินจอดรถนิ่งสนิท เฟ่ยเจี้ยนจงก็เดินมาที่ประตูรถ โดยมีเฟ่ยเข่อซินคอยพยุง
หลังจากเย่เฉินลงมาจากรถ เฟ่ยเจี้ยนจงก็โค้งคำนับ พร้อมเอ่ยพูดอย่างนอบน้อมว่า “ยินดีต้อนรับคุณเย่!”
ผู้คนในตระกูลเฟ่ยที่อยู่รอบๆ ต่างก็เอ่ยพูดออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน “ยินดีต้อนรับคุณเย่!”
ท่ามกลางผู้คน เย่เฉินเห็นลูกชายคนโตของเฟ่ยเจี้ยนจง นั่นก็คือปู่ของเฟ่ยฮ่าวหยางอย่างเฟ่ยซานไห่ และพ่อของเฟ่ยฮ่าวหยางอย่างเฟ่ยเสวปิง
ทั้งสองยืนอยู่ท่ามกลางคนอื่นๆ มีสีหน้านอบน้อมและเจียมตัว ไม่เห็นแววจองหองและอวดดีเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีคนแปลกหน้า ที่ยังไม่เคยเจอมาก่อนอีกหลายคน
เย่เฉินคิดไม่ถึงเลยว่า แค่ตัวเองมาเจอเฟ่ยเจี้ยนจงและเฟ่ยเข่อซินแค่นี้ ตระกูลเฟ่ยจะต้อนรับกันยิ่งใหญ่ขนาดนี้
เย่เฉินเอ่ยพูดอย่างตกใจ “ทุกคน มันไม่ดูยิ่งใหญ่ไปหน่อยเหรอ?”
เฟ่ยเจี้ยนจงมองมาที่เย่เฉิน กล่าวอย่างนอบน้อม “คุณเย่ คุณคือผู้มีพระคุณของตระกูลเฟ่ย คุณมาทั้งที ทุกคนในตระกูลเฟ่ยก็ต้องให้ความสำคัญสิ ไม่กล้ามองข้ามหรอก”
เย่เฉินโบกมือ เอ่ยพูดอย่างราบเรียบ “หลังจากนี้ผมกับตระกูลเฟ่ยคงได้ติดต่อกันบ่อยขึ้น ทุกคนไม่ต้องมารวมตัวกันเพื่อต้อนรับก็ได้”
เขาหันไปพูดกับเฟ่ยเจี้ยนจง “คุณท่านเฟ่ย ผมมาในครั้งนี้ เพราะมีเรื่องจะคุยกับคุณและคุณเฟ่ย เราสามารถย้ายไปคุยกันในที่เงียบๆได้หรือไม่?”