ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4700 หล่างหงจวินอีกคน 1
บทที่ 4700 หล่างหงจวินอีกคน 1
ที่จริงข้อมูลพวกนี้ของหล่างหงจวินเย่เฉินอ่านหมดแล้ว ที่ถามอีกรอบ ก็เพียงหาโอกาสทำความคุ้นเคยกับเขา และถือโอกาสพูดคุยเพื่อเข้าใจอุปนิสัยของคนคนนี้
เย่เฉินเห็นอีกฝ่ายใส่ในในสัญชาติมาก พูดถึงตัวเองในตอนนี้ที่เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนของรัฐ ภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก ในใจไม่สามารถหลีกเลี่ยงความเอือมระอา
ที่จริงแล้วเขาไม่ชอบคนประเภทนี้
มีบัณฑิตของมหาลัยมีชื่อในจีนหลายคน และนักศึกษาแลกเปลี่ยนทุนรัฐบาลเหล่านั้น สุดท้ายเลือกอยู่ต่างประเทศ ว่ากันว่าบัณฑิตที่จบจากชิงหวาที่เลือกอยู่ซิลิคอนแวลลียมีมากกว่าหมื่นคน
แน่นอน เรื่องที่ไปศึกษาต่อเป็นความสมัครใจส่วนตัว แต่สถานการณ์ของหล่างหงจวินไม่เหมือนคนอื่น ถึงอย่างไรก็เป็นนักเรียนทุนแลกเปลี่ยนของรัฐ ใช้เงินของประเทศมาแลกเปลี่ยน เขาควรกลับไปรับใช้ประเทศหลังเรียนจบ แต่เลือกที่จะอยู่อเมริกา พฤติกรรมแบบนี้ดูจากคุณลักษณะ ไม่มีน้ำใจ เพราะงั้นทำให้ในใจของเย่เฉินยากจะมีความรู้สึกดีด้วย
ดังนั้น ในเวลาที่พูดคุยไม่กี่ประโยค เขาก็เริ่มรังเกียจหล่างหงจวิน
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เปลี่ยนอารมณ์มากเกิน จงใจเยินยออีกฝ่าย : “จำนวนเงินของนักเรียนแลกเปลี่ยนรัฐบาล ว่ากันว่าสูงมาก ๆ คุณนี่เก่งจริง ๆ !”
ได้ยินคำพูดชมเชยของเย่เฉิน ใบหน้าของหล่างหงจวินก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ไม่เพียงแต่ทัศนคติที่มีต่อเย่เฉิน แต่ก็เป็นมิตรมากขึ้น พูดด้วยรอยยิ้ม : “ในยุคนี้ของพวกเรา ความต้องการของนักเรียนแลกเปลี่ยนของรัฐนั้นสูงมากจริง ๆ โรงเรียนหนึ่งก็มีคนจำนวนน้อยมากเพียงไม่กี่คน”
เย่เฉินพยักหน้า ถามด้วยความสงสัย : “ใช่แล้ว คุณจะไปเม็กซิโกทำไมเหรอ ? ไปทำงานธุระ หรือไปทำธุรกิจ ?”
การแสดงออกของหล่างหงจวินชะงักครู่หนึ่ง ไม่นานนักก็พูดอย่างไม่เป็นธรรมชาติ : “ฉะ…ฉันไปทำงาน…”
พูดถึงทำงาน สีหน้าของหล่างหงจวินยิ่งชัดเจนว่าไม่เป็นธรรมชาติ
พูดให้ถูดคือ เขาที่ภูมิใจในการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนของรัฐ เพราะพูดเกี่ยวกับการทำงานที่เม็กซิโก ทันใดนั้นก็น้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมาทันที
เย่เฉินสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของเขาอย่างว่องไว ประกอบกับก่อนหน้านี้เขาเปลี่ยนงานมาตลอด ยิ่งเปลี่ยนรายได้ยิ่งน้อย จนสุดท้ายต้องว่างงานอยู่ปีกว่า ก็เดาได้อยู่ว่า ครั้งนี้ที่เขาไปเม็กซิโกเป็นทางเลือกจนปัญญาที่บีบบังคับชีวิตแน่นอน
ด้วยเหตุนี้เขาถอนหายใจเบา ๆ เริ่มพูดว่า ฉันก็ไม่อยากไปเม็กซิโก แต่ก็ไม่ไปไม่ได้”
หล่างหงจวินถามเขาด้วยความประหลาดใจ : “นายจะไปเม็กซิโกทำไม ?”
เย่เฉินพูดขึ้นอย่างเป็นกันเอง : “ฉันก็ยังไม่รู้ว่าไปทำอะไรได้ เพียงแต่วีซ่าของฉันที่อเมริกาจะหมดแล้ว เดิมทีอยากจะให้ถึงกลางคืนก่อนค่อยพูด แต่เร็ว ๆ นี้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองตรวจผู้อพยพผิดกฎหมายเข้มงวดมาก ลุงคนหนึ่งของฉันถูกส่งกลับไปไม่นานนี้ เพราะงั้นฉันถึงอยากรีบออกจากสหรัฐอเมริกา ก่อนที่วีซ่าจะหมดอายุก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
หล่างหงจวินถามอย่างไม่เข้าใจ : “แอบอยู่ในสหรัฐอเมริกาไม่ได้ก็กลับประเทศได้นี่ ถึงแม้ว่าสิ่งแวดล้อมประเทศจีนจะเทียบไม่ได้กับสหรัฐอเมริกา แต่ก็ดีว่าเม็กซิโกมากแน่นอน”
เย่เฉินพูดอย่างเก้อเขิน : “บอกตามตรง เพราะฉันอยู่ในประเทศต่อไปไม่ได้ถึงได้ออกมา ก่อนหน้านี้ติดหนี้ไม่น้อยในประเทศ กลับไปตอนนี้ ไม่แน่ว่าจะถูกจับ”
หล่างหงจวินได้ยินคำพูดนี้ หัวเราะร่า และพูด : “นายยืมเงินแล้วหนีเหรอ ?”
“เฮ้…” เย่เฉินยิ้มเยาะ พูดอย่างเก้อเขิน : “ยืมมาค่อนข้างเยอะ บวกกับที่การค้าไม่ดี ขาดทุนค่อนข้างมาก คืนก็คืนไม่ไหว ทำได้แค่หนีหนี้ออกมาก่อน”