ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4711 คนฉลาด 2
บทที่ 4711 คนฉลาด 2
มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสองคนตายในสถานที่แบบนี้ ในสายตาของตำรวจประเทศเม็กซิโกแล้ว ยังไม่มีค่าเทียบเท่ากับรถมอเตอร์ไซสองคันที่จอดหายอยู่หน้าร้านเน็ตเสียด้วยซ้ำ
เมื่อคิดเช่นนี้ ถึงแม้ว่าภายในใจของหล่างหงจวินจะรู้สึกกระวนกระวายใจออกมาอยู่บ้าง แต่เขาไม่กล้าแสดงท่าทีอะไรออกไปมากนัก
หล่างหงจวินกลับรู้สึกว่า สิ่งที่เย่เฉินพูดออกไปเมื่อครู่ดูจะมีเหตุมีผลมากพอสมควร
เขาที่ยากจนข้นแค้นเสียจนไม่กล้าเปิดหม้อออกมาแบบนี้ หากว่าฝ่ายตรงข้ามจ้องจะเอาชีวิตของเขาจริง ๆ มันดูไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย
ถ้าหากพวกเขาคิดที่จะลักพาตัวตนเองไปจริง ๆ เพื่อเรียกค่าไถ่จากครอบครัวของเขาละก็ ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้
ตอนนี้สถานการณ์ด้านการเงินในครอบครัวของเขาติดลบเสียจนน่าใจหาย ถ้าพูดตรงๆละก็ เงินที่ภรรยาของเขาพอจะหามาได้นั้น ยังไม่พอสำหรับค่าน้ำมันรถที่จะให้พวกเขาขับรถกระบะมารับเขาถึงสนามบินเสียด้วยซ้ำ
ฉะนั้น หล่างหงจวินรู้สึกว่า การที่เย่เฉินคิดวิเคราะห์ออกมาแบบนี้นับว่าถูกต้องพวกเขาคงคิดจะหลอกให้เขามาทำงานใช้แรงงานอยู่ที่นี่แน่ ๆ
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ถึงแม้ว่าจะต้องใช้ชีวิตอย่างมืดมนโดยไม่มีหวัง แต่อย่างน้อยเขาก็ยังรักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ได้
ดั่งสุภาษิตที่ว่า การตายที่ง่ายดายไม่สู้มีชีวิตอยู่อย่างลำบาก
อีกทั้งยังมีสุภาษิตที่ว่า ตราบใดที่ขุนเขาเขียวขจียังอยู่ อย่าได้กลัวไม่มีฟืนเผา
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ภายในใจของเขาก็รู้สึกยอมรับในโชคชะตาของตัวเองขึ้นมา ความคิดที่พยายามจะใช้ต่อต้านในเฮือกสุดท้ายใน พลันหายไปในทันที จากนั้นเขาถึงได้ใช้โทรศัพท์ของตัวเองพิมพ์ตัวอักษรและส่งไปเย่เฉิน ด้านบนเขียนเอาไว้ว่า : “ต้องขอโทษน้องชายด้วยจริง ๆ เป็นพี่ชายคนนี้ที่พานายมาลำบากเสียแล้ว”
เย่เฉินหาได้มีท่าทีตื่นตระหนกไม่ พร้อมทั้งพิมพ์ตอบกลับไปทางโทรศัพท์ว่า : “ซะที่ไหนกันล่ะครับ เป็นผมที่ร้องตามมาเองหากผลที่ตามมาจะเป็นยังไง มันก็ไม่เกี่ยวกับพี่”
สุดท้าย เย่เฉินจึงพิมพ์สมทบไปอีกประโยคหนึ่งว่า “พี่ชาย ในเมื่อพี่ตัดสินใจที่จะมาที่นี่แล้ว พี่ก็ทำใจให้สบายเถอะ ถึงยังไงพวกเราสองคนก็ยังเป็นคู่หูกันได้ ไม่ว่าปลายทางมันจะดีจะร้ายยังไง เมื่อพวกเราไปถึงที่นั่นก็จะได้รู้เอง”
หล่างหงจวินไม่คิดเลยว่า เย่เฉิน น้องชายที่มีอายุน้อยกว่าเขาเป็นสิบปีคนนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับปัญหาขึ้นมาเขายังมีท่าทีใจกว้างแบบนี้ได้
เมื่อได้รับอิทธิพลมาจากเย่เฉินนั้น ภายในใจของหล่างหงจวินก็ไม่ได้มีท่าทีตื่นตระหนกเหมือนก่อนหน้านั้นแล้ว
แต่เขาก็ยังไม่สามารถทำใจให้คิดบวกได้เท่ากับเย่เฉินไม่ ดังนั้นในตอนที่เขากำลังค่อย ๆ ลบข้อความที่พิมพ์ส่งหากันนั้น หล่างหงจวินพลันเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยหัวใจที่เต้นตุ้มๆ ต่อมๆ
รถกระบะที่พวกเขานั่งมานั้น ไม่ได้ขับไปยังเมืองท่าของเอนเซนาดาตามที่นัดเอาไว้ในตอนแรกด้วยซ้ำ
สถานที่แห่งนั้น มันก็เป็นเพียงป้ายร้านที่หลอกลวงผู้คนให้หลงเชื่อไปเท่านั้น
ที่จริงแล้ว พวกเขากำลังขับรถไปยังหมู่บ้านชาวประมงริมชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของเอนเซนาดาแทน
ที่นี่อยู่ห่างจากเมืองเอนเซนาดาเพียงแค่สิบยี่สิบกิโลเท่านั้น
ก่อนที่รถกระบะกำลังขับมุ่งหน้าเข้าไปยังหมู่บ้านชาวประมงนั้น คนขับพลันมองไปยังกระจกหลัง พลางหันมองหน้าซ้ายขวา เกรงว่าจะมีคนติดตามมาด้วย ดังนั้นคนขับรถจึงตั้งใจผ่อนความเร็วลง เพื่อที่จะรอดูว่ารถคันข้างหลังได้ลดความเร็วเหมือนกับพวกเขาหรือเปล่า
ไม่นานนัก คนขับรถก็รู้ว่า ในตอนที่เขาผ่อนความเร็วของรถลงนั้น รถที่ตามมาทางด้านหลังก็ค่อย ๆ เร่งความเร็วแซงหน้าเขาไปไม่มีรถคันไหนที่ผ่อนความเร็วตามเขาเลยแม้แต่น้อย
หากว่ามีคนติดตามเขามาจริง ๆ พวกเขาต้องทำตามสัญชาตญาณตนเองไปแล้วเมื่อคนขับรถแน่ใจแล้วว่าไม่มีรถคันไหนขับตามหลังพวกเขามาแล้วจริง ๆ
เขาเลยวางใจ พร้อมทั้งมุ่งหน้าขับรถเข้าไปในหมูบ้านชาวประมงไปในทันที
แต่คนขับรถหาได้รู้ไม่ว่า ตั้งแต่ที่พวกเขาเดินทางออกมาจากสนามบินแล้วนั้น ก็มีรถจำนวนสิบกว่าคันที่ขับติดตามพวกเขาไป มีบางคันที่ขับตามมานานกว่าสิบกิโลก็ขับแซงหน้าเขาไป มีบางคันที่ขับตามมานั้น ผ่านไปได้สิบกว่ากิโลก็เลี้ยวไปอีกแยกหนึ่งแทนแล้วจึงค่อยวกรถกลับมา รถทั้งสิบคันที่ขับติดตามมานั้น ต่างก็มีความระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพื่อไม่ให้คนขับรถคันนี้จับสังเกตเอาได้
ในช่วงที่คนขับรถผ่อนความเร็วลงนั้น รถที่ทำหน้าที่ติดตามในช่วงระยะนี้ เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตเห็น เขาก็ไม่ได้ผ่อนความเร็วตามลงไปด้วย แต่กลับขี่ขึ้นแซงหน้าไปแทน
คันด้านหลังที่ขับเว้นระยะตามหลังประมาณมากกว่าพันหกร้อยกว่ากิโลนั้น แต่ก็ยังมีรถสำรองบางคันที่อยู่นอกสายตาของพวกเขาคอยติดตามไปอย่างห่าง ๆ โดยรับคำสั่งผ่านวิทยุอย่างต่อเนื่อง