ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4712 นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง 1
บทที่ 4712 นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง 1
เนื่องจากมีรถอีกคันหนึ่งที่คอยอยู่ในสายตาของฝ่ายตรงข้ามอยู่ตลอด ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนรถไปมามากนักดังนั้นว่านพั่วจวินจึงได้ใช้รถคันนั้นเสมือนกับว่าเป็นรถบังคับของเขา
หลังจากได้ยินว่ารถคันที่พวกเขากำลังติดตามอย่างห่าง ๆ อยู่นั้นผ่อนความเร็วลง รถคันนี้จึงได้หยุดรถลงเพื่อทิ้งระยะห่างออกไปได้หนึ่งไมล์จากนั้นไม่นานพลทหารของสำนักว่านหลงจึงได้ทำการปล่อยโดรนไร้คนขับขึ้นไปถ่ายภาพบนอากาศ
โดรนถ่ายภาพทางอากาศของพลเรือนนั้น นับว่าทำให้สำนักว่านหลงเกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ตอนที่อยู่ในซีเรียเลยทีเดียว
พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่า โดรนภายในประเทศที่มีราคาไม่เกิน หนึ่งพันดอลลาร์นั้น จะสามารถถ่ายภาพทางอากาศที่อยู่เหนือศีรษะของพวกเขาขึ้นไปได้ถึงตั้งห้าร้อยเมตร ทั้งยังสามารถทำให้เห็นภาพการเคลื่อนไหวทุกอย่างราวกับภาพถ่ายพาโนรามาได้อีกด้วย
ตั้งแต่ที่เย่เฉินรับสำนักว่านหลงมาอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของตัวเองนั้น สำนักว่านหลงพลันได้รับการสั่งซื้อโดนที่มีคุณสมบัติการใช้งานที่แตกต่างกันมาอย่าวงน้อยหนึ่งหมื่นเครื่องซึ่งบางตัวสามารถพับเก็บใส่กระเป๋าเสื้อได้ อีกทั้งบางตัวยังสามารถพร้อมขึ้นบินภายในไม่กี่วินาทีอีกด้วย
ในขณะเดียวกัน พวกเขาจึงได้ทำการปล่อยโดรนบินตามหลังออกมา เป็นโดรนที่เคยผ่านการแตกหักมาก่อน
โดรนสี่ใบพัดที่เคยเกิดการแตกร้าวมาก่อนนั้นสามารถบินได้เกินขีดจำกัดห้าร้อยเมตรขึ้นไป เกรงว่า แม้จะอยู่ห่างออกไปถึงสองพันหรือสามพันกว่าเมตรนั้นโดรนตัวนี้ก็ยังสามารถบิดติดตามไปได้อย่างง่ายดายอีกด้วย
อีกทั้ง แบตเตอรี่ที่ถูกปรับปรุงแก้ไขแล้วยังสามารถให้แปลงมีความทนทานในการบินอย่างน้อยห้นาที และความสามารถในการบินทางอากาศมากกว่าหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ด้วยความเร็วของโดรนสามารถบินไปได้ไกลมากกว่ากว่าหกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง
ดังนั้น หลังจากที่โดรนถูกบินขึ้น ใช้เวลาเพียงนาทีเดียวในการล็อกรถกระบะที่เย่เฉินกำลังนั่งอยู่บนหน้าจอในทันที
หลังจากนั้น นายทหารที่รับผิดชอบการถ่ายภาพทางอากาศได้รายงานไปยังว่านพั่วจวินทันที “ท่านปะมุข ได้ทำการล็อกตำแหน่งของเป้าหมายได้แล้วครับ พวกเขากำลังมุ่งหน้าเข้าไปในหมู่บ้านชาวประมงทางด้านขวาของถนนเส้นข้างหน้าแล้ว!”
ว่านพั่วจวินพยักหน้าลงเล็กน้อยและพูดเบา ๆ ว่า “ฉันคิดว่า มันน่าจะเป็นถ้ำของอีกฝั่งหนึ่ง ลองส่งพิกัดออกไป ให้ทุกคนรีบไปที่หมู่บ้านชาวประมงที่เพื่อซ่อนตัว และแอบล้อมหมู่บ้านชาวประมงเอาไว้ซะเตรียมตัวปฏิบัติตามแผนของนายท่านเย่พร้มกับปล่อยนกขมิ้นตามหลังไปในทันที !”
ทางอีกด้านหนึ่ง
เมื่อเย่เฉินเห็นเหล่าโม่ขับเข้ามาในซากบ้านเรือนของชาวประมงที่ใกล้จะผุพังนั้น จึงแสร้งทำเป็นถามชายหนุ่มที่นั่งข้างคนขับรถด้วยท่าทีสงสัยใคร่รู้ออกมาว่า “เฮ้ พี่ชาย พวกเราไม่ใช่จะต้องไปไอ้เมืองเอนเซนาดาเหรอ? ทำไมถึงขับเข้ามาในหมู่บ้านโกโรโกโซนี่ได้ล่ะ?”
ชายหนุ่มจึงตอบกลับด้วยท่าทีสบาย ๆออกมาว่า “รถของพพวกเราน้ำมันใกล้จะหมดแล้ว ในหมูบ้านชาวประมงมีคนลักลอบนำน้ำมันเข้ามาอยู่ ราคาถูกด้วย พวกเราเลยจะเติมน้ำมันกันที่นี่ เติมเต็มถังเมื่อไหร่พวกเราก็จะเดินหน้าต่อเลย ตอนนี้ก็อยู่ไม่ไกลจากเมืองเอนเซเนดาแล้วด้วย แค่สิบกว่ากิโลก็ถึงแล้ว ถ้าเติมน้ำมันเสร็จขับไปไม่ถึงยี่สิบนาทีก็ถึงที่นั่นพอดี”
พูดจบ เขาก็แสร้งทำท่าบิดเอวไปมา พร้อมทั้งพูดออกมาว่า “ไอ๊หยา เมื่อคืนเล่นไพ่กับพวกเหล่าโม่จนถึงตีสามกว่า ง่วงนอนจะตายอยู่แล้ว รอส่งพวกนายแล้ว ฉันก็จะได้กลับไปนอนดี ๆ สักทีโอ๊ะ!”
พูดจบ รถกระบะคันนี้ก็ค่อย ๆ เข้าสู่ตัวใจกลางของหมูบ้านชาวประมงในทันที
เย่เฉินจึงเหลือบมองไปทางหล่างหงจวินเล็กน้อย เมื่อเห็นสายตาของเขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวลนั้น ก็พลันพูดออกมาด้วยท่าทีขบขันว่า “พี่ชาย ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้นก็ได้ ก็แค่เติมน้ำมันเอง ไม่มีอะไรหรอก”
เพียงพูดจบ รถกระบะพลันเข้ามาหยุดอยู่ในลานบ้านแห่งหนึ่งในลานบ้านแห่งนี้ถูกล้อมรอบไปด้วยกำแพงอิฐขนาดใหญ่ พร้อมด้วยเหลายชายฉกรรจ์ร่างใหญ่สีผิวของคนเม็กซิโกเดินออกมาเจ็ดแปดคนที่กำลังเดินออกมา ทั่วร่างของพวกเต็มไปด้วยรอยสักมากมายที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันทั้งหมดพร้อมด้วยรองเท้าหัวแหลมที่พวกเขาสวมใส่อยู่แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ ในมือของพวกเขามีปืนอยู่ด้วย
เมื่อเห็นท่าทีของพวกเขาที่มุ่งหน้ามาทางนี้นั้น หล่างหงจวินจึงร้องถามขึ้นมาด้วยท่าทีตื่นตระหนก “พวกเขาจะเข้ามาทำอะไรกันน่ะ?!”
“ทำอะไรอะเหรอ?” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างคนขับพลันหัวเราะออกมา พร้อมกับเปิดลิ้นชักหน้ารถเพื่อหยิบปืนขึ้นมาหนึ่งกระบอก พลางหันปลายกระบอกปืนมาทางหล่างหงจวินและเย่เฉินว่า “พวกแกลงจากรถไปโดยดี ถ้าพวกแกกล้าวิ่งหนีละก็ กูจะเอาปืนยิงพวกมึงให้ไส้แตกเลย!”