ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4715 เปิดเผยด้านที่เลวร้ายออกมา. 2
ฮาร์ดิกหมอชาวอิรเดียพลันพูดออกมาว่า “คุณหม่า ที่จริงแล้ววันมะรืนผมมีการผ่าตัดรออยู่ตั้งสามงานแล้ว ผ่าตัดเสร็จยังต้องเดินทางกลับไปที่อเมริกาอีก ถ้ายังเพิ่มการผัดตัดไตทั้งสองข้างไปด้วยละก็ คงจะต้องอยู่ลากยาวไปถึงตอนกลางคืนของวันมะรืน”
อาหม่าเพียงพูดขึ้นมาด้วยท่าทีสบายใจว่า “ ไม่เป็นไรหรอกคุณหมอฮาร์ดิก นายลำบากแล้ว เมื่อถึงเวลานั้น ฉันจะเพิ่มค่าผ่าตัดอีกห้าพันดอลล่าห์ให้นายเอง หลังจากที่นายทำการผ่าตัดเสร็จหมดแล้ว ฉันจะให้อะเหลี้ยงรีบไปส่งนายที่สนามบิน”
เมื่อฮาร์ดิกได้ยินแบบนั้น นัยน์ตากลมโตของเขาพลันสั่นระริกไปมาในทันที หลังจากนั้นพลันพยักหน้ากล่าวว่า “ในเมื่อคุณหม่าพูดออกมาแบบนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะทำงานให้หนักขึ้นแล้วกัน”
หล่างหงจวินพอจะเข้าใจข้อตกลงของพวกเขาแล้วในตอนแรกเขาไม่รู้ว่า คนพวกนี้ต้องการจะเอาอะไรจากเขาในวันมะรืนกันแน่ เมื่อได้ยินพวกเขาพูดถึงการปลูกถ่ายไตสองข้างในวันนี้แล้วหากว่าพวกเขาต้องการจะตัดไตทั้งสองข้างของตัวเองไปนั้น เช่นนั้นเขาจะไม่ตายเอาเหรอ?
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้แล้วทั่วร่างของหล่างหงจวินพลันหวาดกลัวเสียจนพูดออกมาว่า “ พวกแกกล้าทำเรื่องที่ไร้มโนธรรมแบบนี้ ไม่กลัวถูกจับเหรอ?!”
อะเหลี้ยงแย้มยิ้มพูดออกมาว่า “เรื่องอะไรที่ไร้มโนธรรมกัน ฆ่าแกให้ตายก็ถือเป็นเรื่องมโนธรรมแล้ว? แกรู้หรือเปล่า การตายของแกสามารถช่วยชีวิตให้เพิ่มขึ้นได้อีกสองคน บางทีอาจจะทำให้ผู้อื่นเห็นแสงส่องทางของชีวิตเลยก็ได้ มีคนเคยพูดไว้ว่า การได้ช่วยชีวิตคนเอาไว้หนึ่งคน ได้บุญราวกับสร้างเจดีย์ถึงเจ็ดชั้น พวกฉันฆ่าคนไปหนึ่งคน ช่วยคนเพิ่มอีกสองคน สองลบหนึ่งก็เท่ากับหนึ่ง นี่ไม่ใช่ว่าฉันช่วยคนเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่งเหรอ? นี่มันเป็นกุศลหาที่สุดมิได้ของฉันเลยนี่ !”
ทั่วร่างของหล่างหงจวินพลันสั่นเทาไปด้วยความหวาดกลัวในทันที พร้อมทั้งโพล่งออกมาว่า “พวกแกต้องการจะทำอะไรกับฉันกันแน่?!”
อะเหลี้ยงพลันชำเลืองมองไปยังอาหม่าที่ยืนอยู่ข้างกันนั้น “อาหม่า ฉันบอกกับพวกมันได้ไหม?”
อาหม่าพลันมองไปทางหล่างหงจวิน พร้อมกับแสยะยิ้มออกมาด้วยท่าทีร้ายกาจว่า “ไม่ต้องปิดบังหรอก พูดเลย มีผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจคนหนึ่งสามารถแมทกับแกได้สำเร็จ วันมะรืนนี้เขาจะเดินทางมาที่เม็กซิโกเพื่อทำการผ่าตัด พร้อมกับแลกเปลี่ยนหัวใจของแกกับเขา ถ้าลูกค้าชาวแคนาดายังจะอยากเจรจาด้วยละก็ ถ้าอย่างนั้นวันมะรืนเขาก็จะบินมาเอาไตทั้งสองข้างของแกไปด้วยเหมือนกันแล้วก็ยังมีการปลุกถ่ายกระจกตาที่ยังไม่มีได้แมทกับใครอีก ดังนั้น คืนนี้หรือวันพรุ่งนี้ พวกฉันอาจจะต้องตามหาผู้ป่วยที่ต้องการปลูกถ่ายกระจกตามาก่อน”
เมื่อหล่างหงจวินได้ยินทั่วร่างของพวกเขาพลันเกิดอาการอ่อนแรงฟุบตัวลงไปบนพื้น เขารู้สึกกับว่าฟ้าได้ผ่าลงมาในกลางตัวของเขา ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี
ในขณะเดียวกัน อะเหลี้ยงก็มองไปที่หล่างหงจวิน พลางเลิกคิ้วขึ้นกล่าวว่า “พี่ชาย ฉันพูดถูกหรือเปล่าว่าพี่มีประโยชน์มากกว่านั้นอีก!”
หล่างหงจวินรู้สึกราวกับโลกกำลังถล่มลงมา เขาไร้เรี่ยวแรงเสียจนฟุบลงไปนั่งคุกเข่าบนพื้น พร้อมทั้งร้องไห้ร้องขอชีวิตออกมาว่า “ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะ ฉันมีทั้งเด็กและคนแก่รออยู่ ที่บ้านของฉันเหลือแค่ฉันที่คอยหาเลี้ยงครอบครัวเท่านั้น หากพวกแกฆ่าฉันแล้ว แม่ฉันกับภรรยาของฉันกับลูก ๆ คงไม่มีอนาคตหลงเหลืออยู่แน่”
อะเหลี้ยงเพียงแค่แย้มยิ้มกล่าวออกมาว่า“ฉันใช้ความพยายามตั้งมากมายเพื่อหลอกล่อแกมาถึงที่นี่ แล้วฉันจะปล่อยแกออกไปทำไมกัน?”
พูดจบ เขาพลันหันหน้าไปพูดกับทางเย่เฉินในทันทีว่า “ไอ๊หยา แกเองก็ดูน่าสนใจเหมือนกันหนิ จะพูดยังไงดีล่ะ? โอ้ใช่แล้ว เรียกว่าทางดีๆ มีให้เดินไม่เดิน นรกที่ไร้ประตูแกกลับกระเสือกกระสนจะเข้ามา แกบอกว่าโชคแกดีไม่ใช่เหรอ แต่ที่จริงก็ไม่ได้เป็นนั่นนี่! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
เย่เฉินที่ได้ยินแบบนั้น เขาไม่ได้รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่มองไปทางอะเหลี้ยง พร้อมกับถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า “พวกแกคิดจะจัดการกับฉันยังไงกันแน่?”
อะเหลี้ยงพลันมองมาที่เย่เฉินด้วยท่าทีดูถูก พร้อมกับพูดออกมาด้วยความเฉยเมยว่า “แกไม่ต้องรีบร้อนเหรอก ฉันจะสั่งให้คนมาเจาะเลือดให้แกก่อน หลังจากนั้นฉันก็จะโพสต์กรุ๊ปเลือดและข้อมูลของแกลงไปถ้ามีผู้ป่วยคนไหนสามารถแมทกับแกได้ละก็ ฉันก็จะพูดคุยราคากับฝ่ายตรงข้ามอีกที หลังเจรจาต่อรองกันเสร็จแล้ว แกก็แค่รอขึ้นเตียงผ่าตัดก็พอ”