ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4717 แกมาจากพวกไหนกันแน่ 2
สีหน้าของอาหม่ายิ่งมืดคล้ำลงไปอีก พร้อมกับกัดฟันกล่าวออกมาว่า “แกเชื่อหรือเปล่า? ตอนที่แกทำการผ่าตัดอยู่ ฉันสามารถสั่งให้คนไม่ฉีดยาชาให้กับแกก็ได้ เมื่อถึงเวลานั้น แกจะได้พบกับประสบการณ์ชำแหละพันมีด ”
เย่เฉินเพียงพยักหน้าลงเล็กน้อย พลางถอนหายใจออกมาด้วยท่าทีชื่นชมว่า “ดี อันนี้ดี ถือว่ามีความคิด!”
พูดจบ พลันหันไปถามหมอชาวอินเดียด้วยความสงสัยว่า “นายคือฮาร์ดิกใช่ไหมนายคือแพทย์หลักของที่นี่งั้นเหรอ?”
ฮาร์ดิกพลันแย้มยิ้มออกมาด้วยท่าทีไม่เป็นธรรมชาตินัก “ฉันแค่รับหน้าที่ทำการผ่าตัดเท่านั้น เรื่องอื่นฉันไม่เกี่ยว”
“ดี” เย่เฉินพยักหน้าอีกครั้ง พลางพูดออกมาด้วยท่าทีจริงจังว่า “นายทำได้ดี ถือว่าเป็นคนที่ใช้ได้”
อะเหลี้ยงพลันรู้สึกจับต้นชมปลายไม่ถูก เขาหันกลับไปถามอาหม่าว่า “อาหม่า ไอ้นี่คงไม่ใช่ตกใจจนเป็นบ้าไปแล้วเหรอ? ทำไมฉันรู้สึกว่ามันเหมือนกับคนเสียสติไปแล้วเลยล่ะ?”
อาหม่าเองก็รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน
เพื่อความระมัดระวังของตัวเอง เขาหันไปเปิดปากถามอะเหลี้ยงว่า “ตอนที่พวกแกกลับมา เจอใครที่ดูน่าสงสัยหรือเปล่า มีใครสะกดรอยตามมาไหม?”
“จะเป็นไปได้ยังไง” อะเหลี้ยงตอบกลับมาด้วยท่าทีจริงจัง “ระหว่างทางที่มาผมมองกระจกหลังอยู่ตลอด ไม่มีรถคันไหนตามพวกเรามาเลยสักคัน แล้วก็ไม่มีรถคันไหนมีทีท่าผิดปกติด้วย อีกทั้ง ตอนที่เข้ามา เหล่าโม่ก็มั่นใจแล้วว่า รอบ ๆ ตัวไม่ได้มีรถคันที่น่าสงสัยตามมาด้วย”
อาหม่าพยักหน้าลงเล็กน้อย พร้อมกับหันไปมองเย่เฉิน พลางถามด้วยความสงสัยว่า “ไอ้หนู ฉันอยากรู้ว่า ทำไมแกถึงไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยล่ะ ? แกไม่กลัวตายเหรอ?”
เย่เฉินเพียงแย้มยิ้มตอบกลับมาว่า “กลัวตาย”
อาหม่าที่ขมวดคิ้วเป็นปมพลันเอ่ยถามว่า “ถ้ากลัวตาย ทำไมแกยังแกล้งทำอยู่ล่ะ?”
เย่เฉินเพียงพูดออกมาด้วยท่าทีเฉยเมยว่า “ฉันกลัวตาย แต่ไม่ได้กลัวพวกแก พวกแกฆ่าฉันไม่ได้หรอก”
จู่ ๆ อาหม่าก็ชักปืนออกมาในทันที พร้อมทั้งหันปลายกระบอกปืนไปทางเย่เฉิน แล้วพูดออกมาด้วยท่าทีเย็นชาว่า “พูด ตกลงแกเป็นใครกันแน่!”
เย่เฉินจงใจเปลี่ยนสำเนียงของตัวเองเป็นสำเนียงจีนฮ่องกองไต้หวันในทันที พลางพูดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ว่า “เฮ้ย ไอ้นี่แม่งเรื่องเยอะจริงๆ เลย คำถามเดียวกันแม่งถามมากี่รอบแล้วเนี่ย”
อะเหลี้ยงพลันเอ่ยปากพูดกับอาหม่าขึ้นมาว่า “อาหม่า ยังจะไปสนใจมันทำไม ดูท่าในใจของมันคงจะตกใจแทบตายแล้ว ถึงได้แกล้งยั่วโมโหเพื่อให้ลุงยิงมันให้ตายแบบนี้ ลุงอย่าได้คิดทำอะไรผลีผลามเลย ถ้าลงเผลอลั่นไกออกไป เงินอีกเป็นแสนเหรียญได้หายวับไปกับตาแน่”
อาหม่าพลันหยักหน้าลง พร้อมทั้งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็น ๆ ว่า “คงจะตกใจจนเผลอทำอะไรแบบนี้ออกมาแน่ ไม่ต้องไปสนใจมันแล้ว จับพวกมันขังเอาไว้ด้วยกันก่อน แล้วก็วันนี้เพิ่มเวรยามให้รัดกุมขึ้นมาอีก หากมีอะไรผิดปกติเพียงนิดเดียว ให้มารายงานฉันในทันที”
อะเหลี้ยงรีบร้อนรับคำ “ครับ อาหม่าวางใจได้เลย!”
ลุงหท่าเพียงส่งเสียงรับคำไปเล็กน้อย จากนั้นพลันหมุนตัวเตรียมที่จะจากไป จู่ๆ เย่เฉินพลันหัวเราะออกมาด้วยความเย็นชาว่า “ฉันคิดว่าพวกแกมีการมีงานในเม็กซิโกที่น่าทึ่งกว่านี้ซะอีก หลังจากรอมาเป็นครึ่งวัน ที่แท้ก็เป็นงานที่แบบนี้เองเหรอ แม้แต่งานแบบนี้ก็ยังทำเงินได้ด้วย พวกแกไม่กลัวกรรมจะตามสนองหรือยังไงกัน!”
อาหม่ารับหันหน้ากลับไป พร้อมกับจ้องมองไปที่เย่เฉินด้วยท่าทางราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ “แกหมายความว่าอะไร?”
เย่เฉินเพียงแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย พลางเอ่ยถามกลับไปว่า “ช่วงนี้พวกแกติดต่อคนที่ชื่อเหมยอวี้เจินไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?”
“บัดซบ!” ทั้งอาหม่าและอะเหลี้ยงที่ได้ยินแบบนี้ ทั้งสองคนพลันเกิดอาการตกตะลึงจนถึงสุดขีดไปในทีเดียว พลางชักปืนออกมาชี้ไปที่เย่เฉิน อะเหลี้ยงพลันร้องถามออกมาว่า “พูด แกไปได้ยินคนพูดคำว่าเหมยอวี้เจินสามคำนี้มาจากไหน? แล้วแกเป็นสายให้กับใครกันแน่!”
แต่อาหม่ากลับรู้สึกว่าเย่เฉินไม่น่าเป็นสายลับเขาจึงกดไปที่ไกปืนเล็กน้อย พลางจ้องไปที่เย่เฉินด้วยท่าทีโหดร้ายว่า“น้องชาย พวกเรามีอะไรไม่ควรพูดความลับต่อกัน ตกลงแกเป็นคนของใครกันแน่? ทำไมถึงได้รู้จุกกับเหมยอวี้เจินได้?”