ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4738 ไม่ได้รู้จักคุณธรรมดา 2
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 4738 ไม่ได้รู้จักคุณธรรมดา 2
สำหรับพวกเขาคนกลุ่มหนึ่งที่มักรวมตัวทำสิ่งไม่ดีนั้น เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองแล้วไม่จำเป็นต้องแคร์คนอื่นถือเป็นความคิดมาตรฐานของพวกเขา
ถึงแม้จะบอกว่าปกติทุกคนนั้นอยู่ในความสัมพันธ์ร่วมงานกัน แต่ถ้าใครเกิดอะไรขึ้น คนอื่นๆ จะไม่เห็นอกเห็นใจแม้แต่น้อย
ดังนั้น เธอจึงถามด้วยความสงสัยว่า:“พี่หม่าเขาเป็นอะไรไป?ไปก่อเรื่องอะไรกันแน่?!”
อะเหลี้ยงได้ยินเหมยอวี้เจินถามแบบนี้ ก็โมโห อดไม่ได้ที่จะแอบด่าในใจ:“ทุกคนทุกแกทำร้ายหมด ยังจะมีหน้ามาถามอีกไอ้ห่า!ถ้าไม่ใช่แกหลอกแม่ยายของเย่เฉิน วันนี้พวกเราจะถูกสำนักว่านหลงตามมาฆ่าถึงที่ไหม?ถ้าวันนี้พวกเราตายที่นี่ แกก็เป็นตัวการที่ก่อกรรมทำชั่ว!”
แต่ว่า อะเหลี้ยงกล้าที่จะตอบโต้ต่อหน้าทหารของสำนักว่านหลงสองคนได้อย่างไร จึงเสแสร้งกับ ได้แต่พูดอย่างโกรธเคืองว่า:“พูดไปก็ไม่เข้าใจหรอก เดี๋ยวคุณลงไปเจอเขาก็รู้แล้ว……”
เหมยอวี้เจินก็ไม่คิดอะไรมาก เวลานี้ในใจเธอรู้สึกผ่อนคลายเป็นพิเศษ
เดิมทียังคิดว่า ครั้งนี้ตัวเองทำงานได้ไม่ดี พี่ใหญ่จะต้องสั่งสอนเขาสักทีแน่ คิดไม่ถึงว่าในตอนที่เขาก่อเรื่องนี้ หม่าขุยจะเป็นเกาะป้องกันให้ตัวเอง?ให้เขาไปดึงดูดพลังทำลายล้างของพี่ใหญ่ คาดว่าพอถึงตัวเองที่นี่จะเหลือไม่มากแล้ว
ทันใดนั้น อารมณ์ของเหมยอวี้เจินก็ดีขึ้นเยอะ แล้วจึงเห็นว่าด้านข้างอะเหลี้ยงมีคนเชื้อสายจีนอยู่สองคนที่ไม่คุ้นหน้า
ในเคซี่ฆัวเรซ มีคนเชื้อสายจีนไม่เยอะ คนที่เข้าไปในส่วนสำคัญได้จริงๆ ที่จริงแล้วมีแค่หม่าขุยคนเดียว ส่วนเหมยอวี้เจินและอะเหลี้ยงที่จริงแล้วเป็นคนที่หม่าขุยชุบเลี้ยงและพัฒนามา
ส่วนพวกสวีเจี้ยนสี่ หม่านหยิงเจี๋ย ก็เป็นคนที่เหมยอวี้เจินชุบเลี้ยงและพัฒนามาในสหรัฐอเมริกา ถือเป็นสมาชิกประสานนอกแล้ว
ดังนั้น จู่ๆ ที่นี่ก็มีคนเชื้อสายจีนผิวเหลืองสองคนปรากฏตัวแบบนี้ สำหรับเหมยอวี้เจินแล้ว แปลกมากๆ
ดังนั้นเธอจึงถามอย่างแปลกใจว่า:“อะเหลี้ยงสองคนนี้มาใหม่เหรอ?ทำไมเมื่อก่อนไม่เคยเห็นเลย?”
อะเหลี้ยงรีบใช้คำให้การที่เย่เฉินเตรียมไว้ให้เขาแล้วตอบไปว่า:“สองคนนี้เป็นบอดี้การ์ดคนใหม่ที่พี่ใหญ่จ้างมา มาจากสำนักว่านหลงอันเลืองชื่อ”
“สำนักว่านหลง?!”เหมยอวี้เจินได้ยินก็ตกตะลึง เธออยู่ในโลกสีเทามาหลายปี ได้ยินชื่อเสียงของสำนักว่านหลงมานาน ตอนนี้พอได้ยินว่าพี่ใหญ่จ้างทหารสำนักว่านหลงสองคนมาเป็นบอดี้การ์ดได้ ก็ตกใจจนโพล่งออกไปว่า:“พี่ใหญ่กระชับความสัมพันธ์กับสำนักว่านหลงได้แล้ว?!เมื่อก่อนเขาอยากกระชับความสัมพันธ์กับสำนักว่านหลงมาตลอด แต่ไม่เคยสำเร็จ!”
“ใช่”อะเหลี้ยงนึกถึงสำนักว่านหลงก็มีแต่ความหมดหวัง พูดอย่างเศร้าใจเล็กน้อย:“ครั้งนี้พี่ใหญ่กับสำนักว่านหลง……ในความหมายหนึ่ง ถือว่ากระชับความสัมพันธ์ได้โดยสิ้นเชิง……”
เหมยอวี้เจินพูดอย่างตื่นเต้นทันที:“โอเค!ดีจัง!ได้ติดต่อกับสำนักว่านหลง ต่อไปพวกเรามีอะไรให้กังวลอีก?ไม่ว่าจะยุโรป สหรัฐอเมริกาหรือแม้แต่ตะวันออกกลางก็มีอำนาจได้!”
พูดไป เธอก็มองความหงอยของอะเหลี้ยงออก ยังคิดว่าอะเหลี้ยงจะต้องกังวล เพราะหม่าขุยก่อความวุ่นวาย และถูกพี่ใหญ่สั่งสอน
ยังไงหม่าขุยก็เป็นเกราะป้องกันของอะเหลี้ยงที่นี่ ถ้าหม่าขุยหมดอำนาจจริงๆ จึงพูดปลอบไปว่า:“อะเหลี้ยงคุณไม่ต้องตื่นตระหนกขนาดนั้นหรอก ยังไงพี่หม่าก็ติดตามพี่ใหญ่มาหลายปีแล้ว พี่ใหญ่ไม่ทำให้เขาลำบากใจหรอก”
อะเหลี้ยงมองเหมยอวี้เจิน ยิ้มอย่างเหี่ยวเฉา พูดอย่างไม่จริงใจว่า:“หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น……”
เหมยอวี้เจินพยักหน้ายิ้ม คิดอะไรได้ ก็ถามเขาอีกว่า:“ใช่สิอะเหลี้ยงหล่างหงจวินนั่นน่าจะถึงแล้วใช่ไหม?สองวันนี้ฉันไม่กล้าติดต่อกับโลกภายนอกเลย เลยไม่รู้การเคลื่อนไหวของเขา”